บิ๊ก“เมืองไทยแคปปิตอล” ยัน คิดดอกเบี้ยต่ำกว่าเพดาน 28%

01 เม.ย. 2563 | 11:05 น.
อัปเดตล่าสุด :24 เม.ย. 2563 | 02:37 น.

ซีอีโอ เมืองไทยแคปปิตอล ยันคิดดอกเบี้ย 20% ต่ำกว่าเพดานที่ 28% แจงเหตุ DSI ตรวจค้นเป็นเรื่องเก่า เจ้าหน้ามีตรวจสอบข้อเท็จจริง ยันปล่อยกู้โดยมีทะเบียนรถจักรยานยนต์เป็นหลักประกัน และยึดกรอบของกฎหมาย

นายชูชาติ  เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเมืองไทย แคปปิตอล จำกัด(มหาชน) หรือ MTC เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงินกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำชุดเฉพาะกิจเข้าตรวจค้นสถานที่เป้าหมาย 3 แห่ง คือ บริษัทเมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ถนนจรัญสนิทวงศ์ และศูนย์ประมูลรถเมืองไทยแคปปิตอล อำเภอเมืองชลบุรี และอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เพื่อหาเอกสารหลักฐานดำเนินคดีอาญากับบริษัทผู้ให้บริการจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ในความผิดฐาน เรียกดอกเบี้ยเกินอัตรากว่าที่กฎหมายกำหนดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ. ศ. 2560ว่า ประเด็นดังกล่าว เกิดจากบริษัทดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียน ซึ่งมีลูกค้า 40 ราย ได้ร้องเรียนกับทางดีเอสไอไปก่อนหน้าว่า  บริษัท คิดอัตราดอกเบี้ย เกินจากที่กฎหมายกำหนด ซึ่งทางพนักงานสอบสวนกองคดีการเงิน การธนาคารและการฟอกเงินของทาง ดีเอสไอจึงขอความร่วมมือเพื่อดูข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร

 

บิ๊ก“เมืองไทยแคปปิตอล” ยัน คิดดอกเบี้ยต่ำกว่าเพดาน 28%

"ผมก็ได้ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ว่า การดำเนินธุรกิจของผม เกี่ยวกับเรื่องสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย  โดยมีทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็น สินทรัพย์เป็นหลักประกัน  ซึ่งกฎหมาย กำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 28 % แต่คิดดอกเบี้ยจริงในอัตรา 20% ต่อปี แต่หากเป็นกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จะคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 15%”

สำหรับข้อร้องเรียนที่ 2 ว่า บริษัทนำรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ไปจำหน่าย นั้น ส่วนตัวได้ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ว่า บริษัทดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการของกฎหมาย  คือ กรณีที่ลูกค้า ไม่ผ่อนชำระทางบริษัทก็จะดำเนินการยึดทรัพย์ หรือในรายที่ผ่อนชำระ ไม่ไหว ลูกค้าบางรายก็จะนำรถมาคืน โดยภายหลังการยึดทรัพย์สินหรือการนำรถมาคืนนั้น บริษัทจะเปิดโอกาสให้ลูกค้า เป็นระยะเวลา 4 เดือน เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อคืนได้  แต่เมื่อเลยระยะเวลาที่กำหนดถ้าลูกค้าไม่ติดต่อเข้ามา บริษัทก็จะต้องนำทรัพย์สินซึ่งเป็นหลักประกันดังกล่าวขายทอดตลาดตามกระบวนการของกฎหมาย"

 

อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้ถูกแจ้งความดำเนินคดี และจากเอกสาร และคำชี้แจงเชื่อมั่นว่า บริษัทไม่ได้ทำผิดกฎหมายแต่มีความพยายามที่จะร้องเรียนบริษัทเพราะถ้าเข้าข่ายก็จะเป็นคดีอาญา