เปิด 5 อันดับผู้ถือหุ้นใหญ่แบงก์อ่วม งดจ่ายเงินปันผล

20 มิ.ย. 2563 | 07:40 น.
อัปเดตล่าสุด :21 มิ.ย. 2563 | 10:25 น.

ส่องพอร์ต 5 อันดับผู้ถือหุ้นใหญ่ ธนาคารพาณิชย์ 10 แห่ง หลังแบงก์ชาติ สั่งห้ามงดจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งแรกปี 63 เผยครึ่งปี 62 ประกาศจ่าย 7 แห่ง รับ 9,200 ล้านบาท

จากกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานในปี 2563 (งวดครึ่งปี) รวมถึงงดการซื้อหุ้นคืน เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์รักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็งและรองรับการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับแนวทางที่ธนาคารกลางหลายประเทศได้ดำเนินการแล้ว เพื่อรองรับความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด – 19 นั้น

 

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) มีจำนวน 10 แห่ง คือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB), ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KKP), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY), ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB), ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT), ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB), บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO) และ บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (LHFG)

สำหรับผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 อันดับแรกของธนาคารพาณิชย์ทั้ง 10 แห่ง ประกอบด้วย BBL บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 448,535,678 หุ้น หรือ 23.50%, SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED จำนวน 98,649,920 หุ้น หรือ 5.17%, สำนักงานประกันสังคม จำนวน  85,852,300 หุ้น หรือ 4.50%, UOB KAY HIAN (HONG KONG) LIMITED - Client Account จำนวน 39,837,220 หุ้น หรือ 2.09% และ STATE STREET EUROPE LIMITED จำนวน 36,715,127 หุ้น หรือ 1.92%

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ธปท. ชี้แจงด่วน ห้ามแบงก์จ่ายปันผล - ซื้อหุ้นคืน

ธปท.สั่งแบงก์พาณิชย์ "งดจ่ายเงินปันผล - ซื้อหุ้นคืน"

บล.กสิกรไทยคาดหุ้นแบงก์ดิ่ง 3-4% กดดัชนีตลาดเช้าวันจันทร์

 

KBANK ประกอบด้วย บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 443,939,592 หุ้น หรือ 18.55%, STATE STREET EUROPE LIMITED จำนวน 203,656,972 หุ้น หรือ 8.51%, SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED จำนวน 142,055,420 หุ้น หรือ 5.94%, สำนักงานประกันสังคม จำนวน 85,905,100 หุ้น หรือ 3.59% และ BNY MELLON NOMINEES LIMITED จำนวน 78,949,299 หุ้น หรือ 3.30%

 

ด้าน SCB ประกอบด้วย กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) จำนวน 392,649,100 หุ้น หรือ 11.56%, กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 392,649,100 หุ้น หรือ 11.56%, บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 346,262,309 หุ้น หรือ 10.20%, สำนักงานประกันสังคม จำนวน 109,198,100 หุ้น หรือ 3.22% และ SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED จำนวน 93,227,355 หุ้น หรือ 2.75%

 

KKP ประกอบด้วย บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 74,974,551 หุ้น หรือ 8.85%, น.ส. ฐิตินันท์ วัธนเวคิน จำนวน 35,532,761 หุ้น หรือ 4.20%, บริษัท น้ำตาลตะวันออก จำกัด จำนวน 35,000,804 หุ้น หรือ 4.13%, บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) จำนวน 34,867,143 หุ้น หรือ 4.12% และ SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED จำนวน 29,775,695 หุ้น หรือ 3.52%

 

ส่วน BAY ประกอบด้วย MUFG BANK, LTD. จำนวน 5,655,332,146 หุ้น หรือ 76.88%, บริษัท สตรองโฮลด์ แอสเซ็ทส์ จำกัด จำนวน 166,536,980 หุ้น หรือ 2.26%, บริษัท ทุนมหาโชค จำกัด จำนวน 166,478,940 หุ้น หรือ 2.26%, บริษัท จี แอล แอสเซทส์ จำกัด จำนวน 166,414,640 หุ้น หรือ 2.26% และ บริษัท บีบีทีวี แซทเทลวิชั่น จำกัด จำนวน 166,151,114 หุ้น หรือ 2.26%

KTB ประกอบด้วย กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 7,696,248,833 หุ้น หรือ 55.07%, บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 844,975,460 หุ้น หรือ 6.05%, STATE STREET EUROPE LIMITED จำนวน 353,952,928 หุ้น หรือ 2.53%, กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) จำนวน 306,975,658 หุ้น หรือ 2.20% และ กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 306,975,657 หุ้น หรือ 2.20%

 

ด้าน TMB ประกอบด้วย  ING BANK N.V. จำนวน 22,190,033,791 หุ้น หรือ 23.03%, บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) จำนวน 19,389,891,967 หุ้น หรือ 20.12%, กระทรวงการคลัง จำนวน 11,364,282,005 หุ้น หรือ 11.79%, THE BANK OF NOVA SCOTIA จำนวน 5,723,611,111 หุ้น หรือ 5.94% และกองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 4,789,489,708 หุ้น หรือ 4.97%

TISCO ประกอบด้วย บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 89,445,646 หุ้น หรือ 11.17%, CDIB & PARTNERS INVESTMENT HOLDING PTE.LTD. จำนวน 80,065,320 หุ้น หรือ 10.00%, SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED จำนวน 40,091,905 หุ้น หรือ 5.01%, TOKYO CENTURY CORPORATION จำนวน 39,482,767 หุ้น หรือ 4.93% และ STATE STREET EUROPE LIMITED จำนวน 28,894,882 หุ้น หรือ 3.61%

 

ส่วน LHFG ประกอบด้วย  CTBC Bank Company Limited จำนวน 7,544,961,342 หุ้น หรือ 35.62%, บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 4,634,761,967 หุ้น หรือ 21.88%, บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 2,910,199,375 หุ้น หรือ 13.74%, น.ส. เพียงใจ หาญพาณิชย์ จำนวน 2,210,050,479 หุ้น หรือ 10.43% และนาย สำเริง มนูญผล จำนวน 384,288,623 หุ้น หรือ 1.81% และ CIMBT ประกอบด้วย CIMB BANK BERHARD จำนวน 33,021,971,285 หุ้น หรือ 94.83% และ BANK JULIUS BAER & CO. LTD, SINGAPORE จำนวน 760,756,147 หุ้น หรือ 2.18%

 

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจข้อมูลพบว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 มีธนาคารพาณิชย์ที่ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ประจำงวดครึ่งปีแรก 7 แห่ง คือ BBL อัตราหุ้นละ 2.00 บาท, KBANK อัตราหุ้นละ 0.50 บาท, SCB อัตราหุ้นละ 1.50 บาท, KKP อัตราหุ้นละ 1.50 บาท, BAY อัตราหุ้นละ 0.40 บาท, TMB อัตราหุ้นละ 0.03 บาท และ LHFG อัตราหุ้นละ 0.035 บาท ขณะที่ 3 แห่ง จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล เป็นประจำงวดปี 2562 คือ KTB อัตราหุ้นละ 0.753 บาท, CIMBT อัตราหุ้นละ 0.005 บาท และ TISCO อัตราหุ้นละ 7.75 บาท

 

ทั้งนี้ จากข้อมูลการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ประจำงวดครึ่งปีแรก ปี 2562 มีจำนวน 7 แห่ง คือ BBL, KBANK, SCB, KKP, BAY, TMB และ LHFG พบว่า 5 อันดับผู้ถือหุ้นใหญ่ได้รับเงินปันผลรวม 9,263.52 ล้านบาท ส่วน 3 แห่ง ที่จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล เป็นงวดปี 2562 คือ KTB, CIMBT และ TISCO 5 อันดับผู้ถือหุ้นใหญ่ได้รับเงินปันผลรวม 9,483.58 ล้านบาท