ปตท.ยันไม่จ่าย 1.56 พันล้าน ขอสู้อีกยกกับอาร์พีซีจี ชี้ทำสัญญาส่งคอนเดนเสทครบ 15 ปี

16 เม.ย. 2559 | 04:00 น.
อัปเดตล่าสุด :18 เม.ย. 2559 | 09:23 น.
ปตท.ยืนยัน ไม่จ่ายค่าเสียหายให้อาร์พีซีจี หลังคณะอนุญาโตตุลาการชี้ขาด ผิดสัญญาส่งมอบกากคอนเดทเสท 1.56 พันล้าน เป็นผลทำให้ต้องปิดโรงกลั่นน้ำมันที่ระยอง ขอต่อสู้ชั้นศาลอีกรอบให้คดีถึงสิ้นสุด โดยย้ำชัดทำสัญญาซื้อขายคอนเดนเสท ครบ 15 ตามสัญญา 15 ปีตั้งแต่ปี 2555 ที่ผ่านมา และอาร์พีซีจียังค้างค่าชำระผลิตภัณฑ์อีก 2 พันล้านบาท

แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากที่บริษัท อาร์พีซีจี จำกัด(มหาชน) ได้เรียกร้องให้ปตท.ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บริษัทอาร์พีซีจี เป็นจำนวนเงิน 390 ล้านบาท นับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 จนถึงวันที่คณะอนุญาโตตุลาการได้ชี้ขาดคำตัดสิน เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา เนื่องจากผิดสัญญาการซื้อขายกากคอนเดนเสท เพื่อเป็นวัตถุดิบให้โรงกลั่นน้ำมันที่จังหวัดระยอง ทำให้อาร์พีซีจีได้รับความเสียหายต้องปิดกิจการลง รวมมูลค่าประมาณ 1.56 พันล้านบาท และยังไม่รวมอัตราดอกเบี้ย 7.5 % ต่อปีอีกนั้น

โดยในส่วนของปตท.เห็นว่า คำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการดังกล่าวน่าจะยังมีความคลาดเคลื่อนในข้อเท็จจริงและข้อขอกฎหมาย และจะต้องมีการต่อสู้ในคดีอีกต่อไป เนื่องจากการซื้อขายกากคอนเดนเสทมีสัญญาเป็นเวลา 15 ปี ซึ่งได้ส่งมอบครบตามระยะเวลาที่กำหนดในปี 2555 และก่อนหน้านั้นได้มีการแจ้งเตือนไปยังอาร์พีซีจีล่วงหน้าเป็นเวลา 3 ปี ว่าปตท.จะไม่มีการต่อสัญญาให้ เพื่อให้ทางบริษัทไปเร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกระบวนการผลิตของโรงกลั่นน้ำมัน ให้สามารถใช้วัตถุดิบประเภทอื่น หรือหาแนวทางป้องกันความเสี่ยงจากการพึ่งพากากคอนเดนเสทจากแหล่งเดียว แต่สุดท้ายทางอาร์ดีจีซีก็ไม่ดำเนินการที่จะลงทุน จนเป็นเหตุให้ไม่มีวัตถุดิบป้อนโรงกลั่นและปิดดำเนินการไปในที่สุด

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาปตท.ได้มีการชี้แจ้งเรื่องนี้ตามกระบวนการครบทุกขั้นตอนไปแล้ว ว่าไม่มีเจตนาที่จะสร้างความเสียหายให้กับบริษัทใด หรืออาศัยความเป็นเป็นบริษัทใหญ่รังแกบริษัทขนาดเล็ก เพราะปตท.ก็เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ต.ล.ท.) ที่มีธรรมมาภิบาล โดยจะไม่ยอมนำชื่อเสียงที่สะสมมา ให้เกิดข้อครหาในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้น เมื่อสร้างความเสียหายให้กับปตท.เกิดขึ้น ก็คงจะต้องมีการต่อสู้ในชั้นศาลเพื่อให้ได้ข้อยุติต่อไป

นายสุพจน์ เหล่าสุอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สำนักกฎหมาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทางปตท. ไม่อาจเห็นพ้องด้วยกับคำชี้ขาดดังกล่าวได้ เนื่องจากที่ผ่านมาได้ดำเนินการอย่างถูกต้องในการซื้อขายถูกต้องตามสัญญาที่กำหนดไว้ประกอบกับคณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ ปตท. จึงจะใช้สิทธิตามกฎหมายในการยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำชี้ขาดภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงานกับสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป

โดยปตท.จะเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการกับอาร์พีซีจี เป็นอีกคดีหนึ่ง เพื่อเรียกร้องค่าผลิตภัณฑ์พร้อมดอกเบี้ยที่อาร์พีซีจี ค้างชำระกับ ปตท. รวมเป็นจำนวนประมาณ 2 พันล้านบาทเศษ ซึ่งปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการ

นายสัจจา เจนธรรมนุกูล ประธานกรรมการบริษัท อาร์พีซีจี จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า การที่จะปตท.จะไม่จ่ายค่าเสียหายตามที่คณะอนุญาโตตุลาการชี้ขาดนั้น ก็เป็นเรื่องที่ปตท.คงต้องสิทธิ์ตามข้อกฎหมายที่ระบุไว้ แต่ในส่วนของบริษัทนั้น เห็นว่า ได้ทำอย่างถูกต้องและเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งเม็ดเงินที่จะได้มานั้นก็ไม่ได้มากเมื่อเทียบกับความเสียหายและค่าเสียโอกาสที่เกิดขึ้นมา แต่บริษัทก็ยอมรับคำตัดสิน ซึ่งหลังจากนี้ไปคงต้องหารือกับทีมกฎหมายต่อไปว่าจะเรียกร้องเงินจากปตท.ได้มากอย่างไร หากยังต้องมีการต่อสู้กันต่อไป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,147 วันที่ 10 - 13 เมษายน พ.ศ. 2559