นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้ ร่างพ.ร.บ.จัดเก็บ "ภาษีอี-เซอร์วิส" หรือ เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT ) จาก แพลตฟอร์มดิจิทัลจากต่างประเทศ ที่ไม่มีบริษัทลูกในประเทศไทย ได้ผ่านการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรในวาระแรกแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นการพิจารณาของกรรมาธิการต่อ ซึ่งเบื้องต้นหากกฎหมาย ภาษีอี-เซอร์วิส ผ่านการพิจารณาแล้วเสร็จในทุกวาระ และประกาศลงในราชการกิจจานุเบกษา คาดว่า จะมีผลบังคับใช้ภายใน 180 วัน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในช่วงปี 2564 ได้แน่นอน
ทั้งนี้ร่างกฎหมายภาษีอี-เซอร์วิส มีขึ้นเพื่อสร้างความเป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบการค้าออนไลน์ต่างประเทศ กับผู้ประกอบการในประเทศ โดยสาระสำคัญของกฎหมาย คือ ผู้ประกอบการในต่างประเทศที่เข้ามาประกอบธุรกิจในไทยจะต้องจดทะเบียนการเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งจะทำให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการในประเทศที่ชำระภาษีถูกต้อง ซึ่งยืนยันว่า จะไม่เป็นภาระกับผู้ใช้บริการแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แนะเจ้าของธุรกิจออนไลน์ ศึกษาข้อมูลยื่นแบบการชำระภาษีให้ถูกต้อง
พิษโควิด สบน.จ่อปรับเป้าหนี้สาธารณะใหม่
ช่วยอีกแรง ผู้ว่าธปท. ย้ำคลังไม่ถังแตก คลังย้ำ คลังไม่ถังแตก
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังได้ประมาณการว่า การดำเนินการจัดเก็บภาษี อี เซอร์วิส จะสร้างรายได้ให้กับรัฐเพิ่มขึ้นประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรในปีงบประมาณ 2564 เป็นไปตามเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณที่ตั้งไว้ได้ แม้ว่าในปีงบ 2563 กรมสรรพากรจะจัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 2.116 ล้านล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีจัดเก็บได้เพียง 1.26 ล้านล้านบาทก็ตาม