ตั้งแต่เดือนมีนาคม ความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ยังยืดเยื้อและไม่มีใครสามารถรู้ได้ล่วงหน้าว่า วิกฤตินี้จะจบลงเมื่อไหร่ โดยระหว่างที่ทั่วโลกยังคงรอวัคซีนนั้น การเดินทางระหว่างประเทศ การท่องเที่ยว หรือแม้แต่การออกนอกบ้านไปใช้ชีวิตทั่วไป กลายเป็นพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงสูง ข้อจำกัดในการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปเหล่านี้ ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจ ตลาดทุน และอุตสาหกรรมมากมายทั่วโลก
สำหรับนักลงทุน ก็ยังคงมองหาโอกาสการลงทุนในบางอุตสาหกรรมที่สามารถเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสได้ ผมจึงอยากแนะนำให้นักลงทุนลองมองหาโอกาสจาก 3อุตสาหกรรม ที่เรามองว่า ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ แม้ในสภาวะความไม่แน่นอนสูงในปัจจุบัน ได้แก่ อุตสาหกรรม HealthCare, อุตสาหกรรม Technology และกลุ่ม ธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง
อุตสาหกรรมแรกที่มีแรงผลักดันเชิงบวกจาก COVID-19 อย่างชัดเจนที่สุด คงเป็น Health Care เนื่องจากเป็นกลุ่มบริษัทที่กำลังพัฒนาวิธีการรักษา และคิดค้นวัคซีนออกมา ไม่ว่าจะเป็นยาที่ใช้รักษาอาการ COVID-19 ในสหรัฐอเมริกาที่ชื่อว่า Remdesivir ผลิตโดยบริษัท Gilead Sciences หรือกลุ่มพัฒนาวัคซีน เช่น Moderna, Oxford-AstraZeneca และ Pfizer ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาเฟส2-3
อย่างไรก็ตาม ในอุตสาหกรรม Health Care ไม่ได้มีเพียงกลุ่มบริษัทที่ข้องเกี่ยวกับการรักษา COVID-19 โดยตรงเท่านั้นที่น่าสนใจ แต่ยังมีกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบในระยะสั้นและฟื้นตัวกลับมาเร็วกว่าธุรกิจอื่นทั่วไป เช่น กลุ่มที่ผลิตยาสำหรับโรควิกฤติร้ายแรง และการรักษาที่มีความจำเป็นสูง
นอกจากนี้ จากนโยบาย Lockdown ทั่วโลกที่ทำให้ประชากรในหลายประเทศไม่สามารถออกนอกบ้านได้ ทำให้ผู้คนเริ่มใช้และพึ่งพาบริษัทกลุ่ม telehealth และ telemedicine เช่น การให้คำปรึกษาทางการแพทย์และคำวินิจฉัยออนไลน์มากขึ้น sub-sector เกี่ยวกับ Health Care Technology จึงเป็นอีกส่วนที่น่าสนใจมากในอุตสาหกรรมนี้
อีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่แม้แต่การแพร่ระบาด COVID-19 ก็หยุดไม่อยู่นั้น คงเป็นกลุ่ม Technology ซึ่งแม้ตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกจะปรับตัวลงแรง โดยเฉพาะในไตรมาส2 แต่ผลประกอบการของบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีสัญชาติอเมริกันที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูงสุด 5 แห่ง หรือกลุ่ม FAANG รวมถึง InformationTechnology อื่นๆ นั้นเป็นบวก
โดยที่มาของรายได้ที่เติบโตสูงของกลุ่มนี้นั้นมาจากพฤติกรรมของประชากรที่เปลี่ยนไป จากข้อจำกัดของการใช้ชีวิตในนโยบาย Lockdown ทำให้ Technology ได้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินชีวิตของเรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่าย ผ่านเว็บไซด์หรือแอปพลิเคชันผ่านระบบ e-commerce การเข้าประชุมออนไลน์ผ่านระบบ teleconference หลังจากที่บริษัททั่วโลกมีนโยบาย Work from Home หรือแม้แต่การสั่งอาหาร online delivery ที่อาจเป็นเพียงตัวเลือกเดียวสำหรับการรับประทานอาหารจากภัตตาคารในช่วง Lockdown
นอกจากนี้ อีกกลุ่มที่รายได้เติบโตสูงในช่วง Lockdown คือ กลุ่มธุรกิจสายเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกและความบันเทิงในบ้าน เช่น ธุรกิจmedia streaming อย่างเช่น Netflix หรือธุรกิจเกี่ยวกับเกมส์คอมพิวเตอร์ และเกมส์ออนไลน์ต่างๆ
ท้ายสุดนั้น หากมองเป็นภาพรวมในมุมของกลุ่มสินทรัพย์ นักลงทุนสามารถหาโอกาสการลงทุนได้จากกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กถึงกลางได้เช่นกัน เนื่องจากธุรกิจกลุ่มนี้มักจะพึ่งพาการใช้จ่ายภายในประเทศ ซึ่งในสภาวะปัจจุบันที่การเดินทางและการส่งสินค้าระหว่างประเทศยังคงติดขัด ธุรกิจกลุ่มที่พึ่งพาการฟื้นตัวในประเทศก่อนก็ควรจะฟื้นตัวตามกลับมาได้ก่อนเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กถึงกลางนั้นเป็นกลุ่มแรกที่มักจะได้รับประโยชน์จากนโยบายการช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาล จึงเป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจสำหรับนักลงทุนในสถานการณ์ COVID-19 อีกกลุ่มหนึ่งเช่นเดียวกัน
ปัจจุบันมีบริษัทจัดการบางรายนำเสนอกองทุนที่เน้นลงทุนตามธีมการฟื้นตัวช่วง COVID-19 ดังนั้น เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น นักลงทุนจึงควรพิจารณากระจายการลงทุนในธีมนี้ติดพอร์ตไว้ด้วยนะครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทางเลือกที่มากกว่า...สำหรับคนมีวินัยการออม
SCM เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ 8 ก.ย.นี้
หน้า 14 ฉบับที่ 3,605 วันที่ 30 สิงหาคม - 2 กันยายน พ.ศ. 2563