ลงทะเบียนคนละครึ่ง คลังฯเอาจริงใครผิดเงื่อนไขระงับทุกช่องทาง

12 พ.ย. 2563 | 23:06 น.
อัปเดตล่าสุด :13 พ.ย. 2563 | 04:50 น.

ลงทะเบียนคนละครึ่ง กระทรวงการคลังฯ ประกาศเอาจริงทั้งผู้ได้รับสิทธิและร้านค้า ใครแหกกฎระงับทุกช่องทาง

วันนี้ 13 พ.ย. จากกรณีที่ ลงทะเบียนคนละครึ่งรอบ2 ได้ปิดลงทะเบียนไปแล้วเมื่อวันที่ 11.11 ที่ผ่านมาโดยประชาชนลงทะเบียนครบ 2.5 ล้านสิทธิภายใน 3 ชั่วโมง ทำให้สิทธิลงทะเบียนคนละครึ่งครบเต็มจำนวน 10 ล้านสิทธิ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนาวแน่ “คนละครึ่ง” คลังตั้งคณะทำงานสอบทุจริต

คนละครึ่งรอบ2 คลังฯย้ำอีกรอบร้านค้าอย่าฉวยโอกาสขึ้นราคา

ลงทะเบียนคนละครึ่ง รอลุ้นอีก 14 วัน ได้สิทธิแล้วไม่ใช้

ลงทะเบียนคนละครึ่งรอบ2 ยืนยันตัวตนคนละครึ่งไม่ผ่าน ATM กรุงไทยมีตัวช่วย

 

ก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลัง ได้ระงับสิทธิประชาชนและร้านค้าที่ร่วมโครงการคนละครึ่ง ได้ทำผิดเงื่อนไขและถูกตัดสิทธิไปแล้วจำนวน 3 รายอยู่ระหว่างการพิจารณาอีก 10 รายนั้น

 นายพรชัย ฐีระเวช รองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพื่อตรวจสอบและพิจารณาการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดเงื่อนไขโครงการคนละครึ่ง โดยหากตรวจสอบพบว่า ร้านค้าหรือผู้ร่วมโครงการกระทำผิดจริงจะระงับการใช้แอปพลิเคชันและระงับการจ่ายเงินร้านค้าทันที กระทรวงการคลังขอความร่วมมือประชาชนและร้านค้าให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการคนละครึ่ง โดยเฉพาะร้านค้าอย่าฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าเอาเปรียบประชาชน

 

นอกจากนี้ยังเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อการเชิญชวนตามโฆษณาโครงการคนละครึ่งผ่านช่องทางต่างๆที่แอบอ้างว่าจะเปลี่ยนยอดเงินที่รัฐบาลจ่ายให้ครึ่งหนึ่งเป็นเงินสด โดยไม่มีการใช้จ่ายจริงอย่างเด็ดขาด เพราะอาจตกเป็นเหยื่อในการสนับสนุนให้กระทำความผิดและมีโทษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้

 

ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำโครงการคนละครึ่งรอบ2 เป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน เพื่อรักษาระดับการบริโภคของประชาชน และกระจายรายได้ไปยังร้านค้ารายย่อยได้อย่างต่อเนื่อง

 

 

 

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 เวลา 12.00 น. มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 5.9 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 7,410,937 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 11,889 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 6,059 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 5,830 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 210 บาทต่อครั้ง โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ ตามลำดับ

 

ทั้งนี้ รองโฆษกกระทรวงการคลังได้ขอความร่วมมือประชาชนและร้านค้าให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอให้ร้านค้าอย่าฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า เนื่องจากจะเป็นการเอาเปรียบประชาชนและทำลายบรรยากาศของการจับจ่ายใช้สอยตามโครงการคนละครึ่ง อีกทั้งประชาชนโปรดอย่าหลงเชื่อการเชิญชวนตามโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ ในการช่วยดำเนินการโดยไม่มีการใช้จ่ายจริงอย่างเด็ดขาดเพราะอาจตกเป็นเหยื่อในการสนับสนุนให้เกิดการกระทำความผิดและมีโทษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งกระทรวงการคลังโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อดำเนินการตรวจสอบและพิจารณาการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดเงื่อนไขโครงการ โดยหากตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะมีการระงับการใช้แอปพลิเคชันและระงับการจ่ายเงินร้านค้าทันที