จากกรณีที่ กระทรวงการคลัง ได้ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าโครงการคนละครึ่ง โดยเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา กระทรวงการคลัง ได้รายงานความคืบหน้าโครงการคนละครึ่ง ว่า มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 8.5 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 9,493,942 คน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"คนละครึ่ง" รัฐฯมั่นใจ ร้านค้าร่วมโครงการคนละครึ่งทะลุ 1 ล้านร้านค้า
“คนละครึ่ง” ปังไม่หยุด คลัง เผยมียอดใช้จ่ายสะสม 2.8 หมื่นล้านนายกฯจัดหนัก 4 มาตรการของขวัญปีใหม่ต่อยอดโครงการกระตุ้นศก.สู้โควิด
นายกฯยืนยันโครงการคนละครึ่ง เตรียมเปิดเฟส 2 แน่นอน
ลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส2 ดีเดย์ 1 ม.ค.64 ใช้ได้ยาวถึงตรุษจีน
โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 28,609 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 14,599 ล้านบาท และ ภาครัฐร่วมจ่ายอีก 14,010 ล้านบาท ซึ่งจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ ตามลำดับ
เมื่อมาพลิกดูตัวเลขที่ กระทรวงการคลัง ได้ออกมาเปิดเผยว่ามีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 9,493,942 คน นั้นหมายความว่ายังมีสิทธิคงเหลือราว 506,058 สิทธิ ซึ่งโครงการคนละครึ่งรอบ3 เปิดให้ลงทะเบียนเมื่อวันที่ 19 พ.ย. เมื่อได้รับ SMS ภายใน 3 วัน ต้องเริ่มใช้คนละครึ่งภายใน 14 วัน ดังนั้นสิทธิคงเหลือราว 506,058 สิทธิ เมื่อคำนวณแล้ว ตรงกับวันที่ 4 ธันวาคม 2563 มีความเป็นไปได้ที่ กระทรวงการคลัง อาจจะเปิดลงทะเบียนคนละครึ่งรอบ4 ภายในวันที่ 4 ธันวาคม หรือ หลังวันที่ 4 ธันวาคมก็เป็นได้
สำหรับความคืบหน้าโครงการคนละครึ่ง นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลังได้เปิดเผยความคืบหน้าของโครงการคนละครึ่งว่า ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 เวลา 12.00 น. มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 8.5 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 9,493,942 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 28,609 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 14,599 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 14,010 ล้านบาท ซึ่งจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ ตามลำดับ
สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนในเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2563 และได้รับ SMS ยืนยันสิทธิแล้ว ขอให้รีบติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” พร้อมยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย โดยขอให้เริ่มใช้สิทธิในการใช้จ่ายโดยเร็วภายใน 14 วัน นับจากวันถัดจากวันที่ได้รับ SMS แจ้งรับสิทธิ เพื่อให้สามารถใช้จ่ายได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563
รองโฆษกกระทรวงการคลัง ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทยมีการติดตามและตรวจสอบพฤติกรรมหรือธุรกรรมที่ผิดปกติ โดยได้ระงับสิทธิการใช้แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” และระงับการจ่ายเงินให้แก่ร้านค้าที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการคนละครึ่งอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีการนำส่งข้อมูลหลักฐานการกระทำความผิดให้แก่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อใช้สำหรับการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จึงขอความร่วมมือประชาชนและร้านค้าให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการ และอย่าหลงเชื่อการเชิญชวนตามโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่เป็นการดำเนินการผิดเงื่อนไขโดยไม่มีการใช้จ่ายซื้อสินค้าจริงอย่างเด็ดขาด เพราะอาจตกเป็นเหยื่อในการสนับสนุนให้เกิดการกระทำความผิดซึ่งจะมีโทษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องไปด้วย