นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM เปิดเผยว่า ช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี จะมีนักลงทุนเป็นจำนวนมากให้ความสนใจลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF)และกองทุนประเภท Super Savings ชนิดเพื่อการออม (SSF) ซึ่งบริษัทฯได้เสนอขายกองทุนทั้ง 2 ประเภทรวมกันมากที่สุดในอุตสาหกรรมถึง 32 กองทุน
ทั้งกองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนหุ้นทั้งในและต่างประเทศ กองทุนรวมสินทรัพย์ทางเลือก และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างทางเลือกการลงทุนที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกสินทรัพย์ และเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละบุคคล
สำหรับกองทุนรวม RMF แนะนำ 2 กองทุนคือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์เฟล็กซิเบิ้ลฟันด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ(SCBRM3)เน้นลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในทุกสภาวะ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในกองทุนที่มีการบริหารแบบยืดหยุ่น
และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Population Trend เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRMPOP) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Fidelity Global Demographics Funds ที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลกในกลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของประชากรโลก ไม่ว่าจะเป็นสังคมผู้สูงวัย เทรนด์สุขภาพ การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ หรือการบริโภคที่เพิ่มมากขึ้นตามขนาดของประชากร เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนไปกับธุรกิจที่เติบโตไปตามเทรนด์ของประชากรโลก
ส่วนกองทุนรวม SSF แนะนำ 2 กองทุนคือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว พลัส(ชนิดเพื่อการออม) (SCBLT2-SSF) มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี มีความมั่นคงสูง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นไทย และยังคงชอบนโยบายการลงทุนในรูปแบบ LTF เดิม
และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้น Low Volatility (ชนิดเพื่อการออม) (SCBLEQ-SSF) มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่มีคุณภาพปัจจัยพื้นฐานดีผันผวนต่ำ ปัจจุบันมีการกระจายการลงทุนในหุ้น 70 - 90 ตัว กระจายการลงทุนไปยังหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มไอที การเงิน เฮลท์แคร์ และสินค้าฟุ่มเฟือย เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนระยะยาวจากการลงทุนในหุ้นโลกที่มีความผันผวนต่ำ ช่วยลดความเสี่ยงเมื่อตลาดขาลง
“ช่วงนี้ถือว่าเป็นโค้งสุดท้ายของปีแล้ว นักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีก็มิควรนิ่งนอนใจ การลงทุนด้วยเป้าหมายระยะยาวเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จะช่วยสร้างวินัยในการออมระยะยาวให้กับนักลงทุน เพราะนอกจากจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีแล้ว การถือครองยาวยังจะช่วยลดโอกาสการขาดทุนเมื่อครบกำหนด รวมถึงการกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผลตอบแทนในระยะยาวมีเสถียรภาพมากขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรเลือกกองทุนที่ตอบโจทย์การลงทุนและความเสี่ยงที่รับได้ของตนเองด้วย”นายณรงค์ศักดิ์กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บลจ.กสิกรไทย ชวนลงทุน SSF-RMF ต่างประเทศ เซฟภาษีปลายปี
บลจ.ธนชาต เพิ่มทุนกอง T-ES-GGREEN เป็น 12,000 ล้าน