ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐหลังจากเปิดเผยรายงานผลประกอบการ และบรรดานักลงทุนวิตกว่า แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของนายโจ ไบเดน อาจจะส่งผลให้มีการปรับขึ้นภาษีนิติบุคคลตามมา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,814.26 จุด ลดลง 177.26 จุดหรือ -0.57%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,768.25 จุด ลดลง 27.29 จุด หรือ -0.72% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,998.50 จุด ลดลง 114.14 จุด หรือ -0.87%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.9% ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ลดลง 1.5%
หุ้นเจพีมอร์แกน, หุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ปรับตัวลง แม้เปิดเผยผลกำไรไตรมาส 4/2563 ดีกว่าคาดก็ตาม
หุ้นกลุ่มธนาคารในดัชนี S&P500 ร่วงลง 3.3% โดยหุ้นเจพีมอร์แกนร่วง 2.2% หลังปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 7 วันซึ่งหนุนราคาหุ้นพุ่งขึ้นรวม 12%
ตลาดถูกกดดันจากรายงานของวอชิงตันโพสต์ที่ระบุว่า วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ได้หมดลงแล้ว ขณะที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันที่จะแจกจ่ายวัคซีนในสัปดาห์นี้ ซึ่งทำลายความหวังเกี่ยวกับการเข้าถึงวัคซีนเพิ่มขึ้น
บรรดานักลงทุนกังวลว่า แผนการของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์นั้น อาจจะทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องปรับขึ้นภาษีนิติบุคคลตามมาเพื่อหาเงินสำหรับการใช้จ่ายดังกล่าว
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐลดลงในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐได้ชะลอตัวลงในช่วงสิ้นปี 2563
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 อาทิ กลุ่มพลังงาน, กลุ่มการเงิน และกลุ่มอุตสาหกรรม ปรับตัวลงมากที่สุด ขณะที่หุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสาธารณูปโภค ปรับตัวขี้น
หุ้นเอ็กซอน โมบิล คอร์ป ร่วงลง 3.6% หลังมีรายงานว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐได้ดำเนินการสอบสวนเอ็กซอน หลังจากมีการร้องเรียนว่า บริษัทประเมินมูลค่าสินทรัพย์ในแหล่งน้ำมัน Shale oil ในเพอร์เมียนสูงเกินไป
หุ้นสปอติฟาย เทคโนโลยี ร่วงลงราว 5% หลังซิตี้กรุ๊ปปรับลดคำแนะนำลงทุนเป็น "ขาย" แต่หุ้นฮิวเลตต์ แพคการ์ด เพิ่มขึ้น 1% หลังเจพีมอร์แกนปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นตัวนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.7% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 หลังจากลดลง 1.4% ในเดือนพ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า ยอดค้าปลีกจะทรงตัวในเดือนธ.ค. โดยการร่วงลงของยอดค้าปลีกได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการที่ภาคครัวเรือนมีรายได้ลดลง เนื่องจากชาวอเมริกันจำนวนมากประสบภาวะตกงาน
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ดิ่งลง 1.9% ในเดือนธ.ค. หลังจากลดลง 1.1% ในเดือนพ.ย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ราคาทองปิดร่วง 21.5 ดอลลาร์ รอบสัปดาห์นี้ปรับตัวลง 0.3%
ส่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “โจ ไบเดน” 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ "American Rescue Plan"
พยากรณ์อากาศวันนี้ ไทยตอนบนอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิสูงขึ้น 1-3 องศา