ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งจำนวนคนว่างงานของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้นซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่นักลงทุนรายย่อยแห่ซื้อหุ้น GameStop ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายวิดีโอเกมชื่อดังในสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,603.36 จุด เพิ่มขึ้น 300.19 จุด หรือ +0.99% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,787.38 จุด เพิ่มขึ้น 36.61 จุด หรือ +0.98% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,337.16 จุด เพิ่มขึ้น 66.56 จุด หรือ + 0.50%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลแรงงานที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 67,000 ราย สู่ระดับ 847,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 875,000 ราย จากระดับ 914,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นทั้งหมด นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 1.92% โดยหุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 1.64% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ เพิ่มขึ้น 1.42% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ บวก 0.62%
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดพุ่งขึ้น โดยบริษัทแอปเปิล อิงค์ เปิดเผยรายได้สูงถึง 1.114 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีการเงิน 2564 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่แอปเปิลมีรายได้ทะลุหลัก 1 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียว
ด้านเฟซบุ๊ก อิงค์ เปิดเผยกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 1.122 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3.88 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4/2563 เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 7.35 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.56 ดอลลาร์/หุ้น โดยผลประกอบการของเฟซบุ๊กได้แรงหนุนจากรายได้จากการโฆษณาของบรรดาธุรกิจค้าปลีกอีคอมเมิร์ซ
อย่างไรก็ดี หุ้นแอปเปิลปิดตลาดร่วงลง 3.5% เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่แอปเปิลไม่ได้ประกาศตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาสถัดไป
ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลง 2.6% หลังจากบริษัทได้แสดงความกังวลว่าแนวโน้มผลประกอบการในปี 2564 อาจเผชิญกับความท้าทาย เนื่องจากบริษัทแอปเปิล อิงค์ มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ด้านโฆษณาของเฟซบุ๊ก โดยเฟซบุ๊กคาดว่า การที่แอปเปิลได้อัปเดตระบบปฏิบัติการบน iPhone เป็น iOS 14 นั้น จะเริ่มกระทบรายได้ของเฟซบุ๊กในช่วงไตรมาสแรกปีนี้
หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 9.3% ขณะที่หุ้นคอมคาสท์ พุ่งขึ้น 6.57% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 4/2563
หุ้น GameStop ปิดตลาดร่วงลง 44.29% หลังจากมีข่าวว่า Robinhood ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่นักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นได้ฟรีผ่านระบบออนไลน์ ได้ออกกฎจำกัดการซื้อขายหุ้น GameStop โดยกำหนดค่ามาร์จิ้นที่สูงขึ้น และอนุญาตให้นักลงทุนสามารถขายหุ้นที่ถือครองอยู่ แต่จะไม่สามารถซื้อหุ้นใหม่ได้ โดย Robinhood ระบุว่ามาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะสกัดความผันผวนของราคาหุ้นในตลาด
ด้านทำเนียบขาวประกาศจับตาความผันผวนและภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทอย่างใกล้ชิด หลังจากราคาหุ้น GameStop พุ่งขึ้นถึง 1,700% นับตั้งแต่ต้นเดือนนี้ และถูกมองกันว่าเป็นการรวมตัวกันของนักลงทุนรายย่อยของสหรัฐเพื่อสั่งสอนกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ที่มักเก็งกำไรด้วยการเทขายหุ้นในตลาด
หุ้นเทสลา ร่วงลง 3.32% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2563 ที่ระดับ 24 เซนต์/หุ้น เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 11 เซนต์/หุ้น แต่ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.02 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปีที่กำไรของเทสลาออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 4.0% เมื่อเทียบรายไตรมาส และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.3%
ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 1.6% สู่ระดับ 842,000 ยูนิตในเดือนธ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 865,000 ยูนิต
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนธ.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน