ดาวโจนส์ปิดร่วง 620 จุด วิตกปั่นหุ้นGameStop ฉุดตลาด

29 ม.ค. 2564 | 23:55 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ม.ค. 2564 | 23:56 น.

ดัชนีดาวโจนส์เมื่อคืนนี้ ( 29 ม.ค.) ปิดที่ 29,982.62 จุด ร่วงลง 620.74 จุด หรือ -2.03%, ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,714.24 จุด ร่วงลง 73.14 จุด หรือ -1.93% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,070.69 จุด ร่วงลง 266.46 จุด หรือ -2.00%


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) และร่วงลงมากที่สุดในรอบสัปดาห์นี้นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2563 โดยตลาดถูกกดดันจากรายงานผลการทดลองประสิทธิภาพวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ที่น่าผิดหวังจากบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) และภาวะผันผวนในตลาดที่เกิดจากการปั่นหุ้น GameStop ซึ่งเป็นหุ้นร้านจำหน่ายวิดีโอเกมชื่อดังในสหรัฐ
         

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีทั้ง 3 ตัวร่วงลงรายสัปดาห์รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สิ้นเดือนต.ค. 2563 โดยดัชนีดาวโจนส์ร่วง 3.28%, S&P500 ร่วง 3.31% และดัชนี Nasdaq ร่วง 3.49% และทั้งเดือนม.ค.นั้น ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 2.04%, ดัชนี S&P500 ลดลง 1.12% ขณะที่ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.42%          
         

ตลาดถูกกดดันจากหุ้น J&J ที่ร่วงลง 3.56% หลังเปิดเผยว่า วัคซีนของบริษัทโดสเดียวมีประสิทธิภาพ 72% ในการป้องกันโรคโควิด-19 ในสหรัฐ และต่ำกว่า 66% ในการทดลองทั่วโลก ซึ่งถือเป็นระดับประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และโมเดอร์นาซึ่งอยู่ที่ราว 95% ในการป้องกันโรคโควิดเมื่อฉีด 2 โดส
         

หุ้นโมเดอร์นา พุ่งขึ้น 8.53% และหุ้นไฟเซอร์ เพิ่มขึ้น 0.11%
         

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการปั่นหุ้น GameStop ซึ่งปิดพุ่งขึ้น 67.87% หลังจากหุ้นร้านจำหน่ายวิดีโอเกมชื่อดังในสหรัฐแห่งนี้พุ่งขึ้นมากกว่า 1,000% แล้วนับตั้งแต่ต้นเดือนนี้ ซึ่งเป็นผลจากการรวมตัวกันของนักลงทุนรายย่อยของสหรัฐในการเข้าซื้อเพื่อดันราคาขึ้น โดยหวังจะสั่งสอนกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ที่มักเก็งกำไรด้วยการขายชอร์ตในตลาด
         

ทั้งนี้ กลุ่มนักลงทุนใน WallStreetBets ซึ่งเป็นบอร์ดย่อยใน Reddit ซึ่งเป็นเว็บบอร์ดที่มีสมาชิกกว่า 4 ล้านราย และเป็นแหล่งที่นักลงทุนรายย่อยมักเข้าสนทนาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการซื้อขายหุ้นในตลาด ได้เล็งเป้าหมายที่จะผลักดันราคาหุ้น GameStop ให้สูงขึ้นเพื่อกดดันให้เฮดจ์ฟันด์ต้องกลับเข้าซื้อคืนหุ้นดังกล่าวเพื่อตัดขาดทุน หลังจากที่ได้ขายชอร์ตก่อนหน้านี้ โดยเก็งว่า GameStop จะต้องปิดกิจการในไม่ช้า
         

การกระทำดังกล่าวของนักลงทุนรายย่อยทำให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์ประสบภาวะขาดทุนหลายพันล้านดอลลาร์
         

ขณะนี้ มีความวิตกกันว่า หากหุ้น GameStop ยังคงพุ่งขึ้นต่อไป ก็จะทำให้เฮดจ์ฟันด์ประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก ซึ่งจะส่งผลให้เฮดจ์ฟันด์เหล่านี้พากันเทขายหุ้นอื่นในตลาดเพื่อระดมเงินมาชดเชยผลขาดทุนจากการเก็งกำไรใน GameStop
         

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลกันว่า ปรากฎการณ์ GameStop เป็นการส่งสัญญาณถึงการเกิดภาวะฟองสบู่ในตลาด หากฟองสบู่แตกจะสร้างความตื่นตระหนก และกระทบนักลงทุนรายย่อยอย่างหนัก
         

การซื้อขายหุ้น GameStop ดันวอลุ่มซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์คพุ่งแตะ 1.713 หมื่นล้านหุ้น สูงกว่าวอลุ่มเฉลี่ยในรอบ 20 วันทำการที่ผ่านมาที่ 1.526 หมื่นล้านหุ้น
         

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) เปิดเผยว่า จะจับตาอย่างใกล้ชิดกับการซื้อขายหุ้นของบรรดาโบรกเกอร์และเทรดเดอร์ในโซเชียล มีเดีย