นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. ได้อนุมัติ การดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ผ่าน 4 โครงการ วงเงินรวม 473,000 ล้านบาท ครอบคลุมประชาชน 5.1 ล้านคน คาดจะเริ่มใช้จ่ายเร็วที่สุดในวันที่ 1 กรกฎาคม จนถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2564 อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังจะพิจารณาเพื่อกำหนดวันเริ่มโครงการให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์อีกครั้ง พร้อมย้ำประชาชนสามารถรับสิทธิเข้าร่วมโครงการได้เพียงคนละ 1 โครงการเท่านั้น และสามารถสละสิทธิ์เดิมเพื่อลงทะเบียนรับสิทธิ์ในโครงการอื่นได้ สำหรับรายละเอียดของ 4 โครงการ ประกอบด้วย
1.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 3 เพื่อช่วยเยียวยาและลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประมาณ 13.65 ล้านคน ให้ความช่วยเหลือ 200 บาทต่อคนต่อเดือนเป็นระยะเวลา 6เดือน รวม 1,200 บาทตลอดโครงการ วงเงินรวม 16,380.19 ล้านบาท
ทั้งนี้ สำหรับผู้มีสิทธิ์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่อยากใช้สิทธิ์ในโครงการคนละครึ่ง หรือ ยิ่งใช้ยิ่งได้ จะต้องสละสิทธิ์บัตรสวัสดิการ และนำบัตรมาคืน ภายในวันที่ 7 มิ.ย. 64 ที่สำนักงานคลังจังหวัด มิฉะนั้นจะไม่สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง หรือ ยิ่งใช้ยิ่งได้ ได้
2. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง เป็นต้น (ผู้ได้รับสิทธิเราชนะกลุ่ม 4) ประมาณ 2.5 ล้านคน โดยจะช่วยเหลือค่าซื้อสินค้าและบริการจากร้านธงฟ้าฯ และร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง จำนวน 200 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 6 เดือน เป็นวงเงินรวม 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากต้องการรับสิทธิ์ ในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 หรือโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้แทน จะต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ตามโครงการดังกล่าว ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ภายในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 และถือเป็นการสละสิทธิ์ตามโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือฯ
3. โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการไม่เกิน 31 ล้านคน โดยภาครัฐร่วมจ่ายร้อยละ 50 สำหรับค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป และค่าบริการ (นวด สปา ทำผมทำเล็บ ค่าเดินทางโดยบริการขนส่งสาธารณะหรือขนส่งมวลชนสาธารณะ) ยกเว้นสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ โดยจะได้รับเงินโอนเข้าแอปฯเป๋าตัง 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 3,000 บาทต่อคนตลอดระยะเวลาโครงการ เป็นวงเงินรวม 93,000 ล้านบาท ซึ่งการร่วมจ่ายคนละครึ่งนี้จะช่วยเติมกำลังซื้อของประชาชน โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจเป็นเงิน 186,000 ล้านบาท
สำหรับโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 ปัจจุบันมีผู้ได้รับสิทธิ์แล้ว 14.89 ล้านคน โดยจะมีการเปิดให้ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์เพิ่มจนกว่าจะครบ 31 ล้านคน ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 เวลา 06.00 น. – 22.00 น. เป็นต้นไป ที่เว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือผู้ที่เคยใช้จ่ายผ่านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g-Wallet) แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แล้ว สามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้
4. โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศผ่านผู้มีกำลังซื้อ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยผู้ได้รับสิทธิไม่เกิน 4 ล้านคน ที่ชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการ ได้แก่ ค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป ค่าบริการนวด สปา ทำผมทำเล็บ ยกเว้นสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาสูบ ผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” กับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการ จะได้รับวงเงินสนับสนุนในรูปของบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Voucher) โดยวงเงินใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher ไม่เกิน 60,000 บาทต่อคน และยอดใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน และจะได้รับสิทธิ e-Voucher สะสมสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ แบ่งเป็น ยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 1-40,000 บาทแรก ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 10 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน และยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 40,001-60,000 บาท ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ซึ่งสิทธิ e-Voucher จะคืนเป็นวงเงินใน g-Wallet ทุกต้นเดือนถัดไป โดยไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้ และใช้ e-Voucher ซึ่งจะเริ่มใช้ได้ในช่วงเดือนสิงหาคม จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 สำหรับวงเงินสำหรับการดำเนินโครงการรวม 28,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจเป็นเงิน 268,000 ล้านบาท
โดยโครงการ ยิ่งใช้ ยิ่งได้ จะเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 21 มิถุนายน 2564 เวลา 06.00 น. – 22.00 น. จำนวน 4 ล้านสิทธิ์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือผู้ที่เคยใช้จ่ายผ่านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g-Wallet) แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แล้ว สามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้
ทั้งนี้ หากผู้ที่ได้รับสิทธิ์โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 หรือ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ประสงค์จะเปลี่ยนไปรับสิทธิ์อีกโครงการหนึ่งแทน จะต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์อีกโครงการหนึ่ง ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ภายในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 และถือเป็นการสละสิทธิ์โครงการที่ได้รับสิทธิ์เดิม
สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 หรือโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป เวลา 06.00 น. – 22.00 น. โดยผู้ประกอบการที่เคยเข้าร่วมมาตรการ/โครงการอื่นของรัฐที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” แล้ว ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการ/โครงการอื่นลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com ตามต้องการ หรือสาขาหรือจุดรับลงทะเบียนของธนาคารกรุงไทยฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ด่วน ครม.เห็นชอบ "คนละครึ่งเฟส 3 - ยิ่งใช้ยิ่งได้" แพคเกจเยียวยาโควิด 4 โครงการ
เริ่มแล้ว "เยียวยาผู้ปกครอง" ร.ร.บางบัวทองประกาศ "คืนเงินค่าเทอม"