ย้อนเหตุการณ์กราดยิงที่โคราช

09 ก.พ. 2563 | 02:35 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.พ. 2563 | 07:51 น.

ย้อนเหตุกรณ์กราดยิงที่โคราช ตั้งแต่เวลา15.00น.วันที่ 8 กุมภาพันธ์ถึงเวลา 09.00น.วันที่ 9 กุมภาพันธ์2563

 

▪เวลา 15.00 น.

เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุยิงกันที่หน่วยพันกระสุนที่ 22 จ.ส.อ.จักรพันธ์  ถมมา อายุ 32 ปี สังกัดค่ายสุรธรรมพิทักษ์ แต่งกายเครื่องแบบทหารครึ่งท่อนใช้อาวุธปืนยิง ผบ.พัน.หน่วยของตนเอง รวมทั้งแม่ยายของ ผบ.พัน เสียชีวิตอยู่ที่บ้าน

 

▪15.37 น.

จ.ส.อ.จักรพันธ์ ขับรถเข้าไปในคลังอาวุธค่ายสุรธรรมพิทักษ์ แย่งอาวุธปืนจากทหารเวร ยิงพลทหารบาดเจ็บ 1 นาย เสียชีวิต 1 นาย ขโมยอาวุธปืน และรถฮัมวี่ราชการขับหนีออกมา

 

▪16.00 น.

จ.ส.อ.จักรพันธ์ ออกจากค่ายทหาร ใช้อาวุธปืนยาวเอชเค กราดยิงใส่ตำรวจที่พยายามเข้าระงับเหตุ และชาวบ้าน จากนั้นกราดยิงเข้าไปในวัดป่าศรัทธารวม ขณะหลบหนี เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย

 

▪17.00 น.

จ.ส.อ.จักรพันธ์ ขับรถฮัมวี่มาถึงห้างเทอมินอล 21 จอดรถบริเวณปากทางเข้าห้าง ใช้อาวุธปืนยาวเอชเค กราดยิงปะทะกับตำรวจและประชาชน และยิงปืนใส่ถังแก๊ส จนแก๊สระเบิดมีไฟไหม้เป็นวงเล็กๆ ด้านนอกห้าง  ตำรวจสันนิษฐานปมเหตุเกิดจาก จ.ส.อ.จักรพันธ์ ไปทวงเงินค่านายหน้าซื้อขายที่ดิน กับผู้เสียชีวิตที่บ้าน แต่ตกลงกันไม่ได้ ทั้งนี้ต้องรอการสอบสวนอย่างละเอียด

 

▪18.00 น.

จ.ส.อ.จักรพันธ์ หลบหนีเข้าไปในห้างเทอมินอล 21 โคราช พร้อมสวมเครื่องแบบและอาวุธสงครามเต็มมือ ยึดพื้นที่ห้างเป็นที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่  ขณะที่ประชาชนต่างวิ่งหนีและหาที่หลบ บางคนก็หนีออกมาได้ทัน แต่ก็มีหลายคนที่ยังติดอยู่ในห้าง

เจ้าหน้าที่กั้นพื้นที่ระยะ 2 กม. รอบห้างเทอมินอล 21 ให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้าใกล้

จ.ส.อ.จักรพันธ์ ก่อเหตุกราดยิงภายในห้างอีกหลายนัด มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย

 

▪19.00 น.

ตำรวจ ทหาร เคลียร์พื้นที่ด้านนอกห้าง วางแผนส่งชุดตำรวจเข้าไปพาคนที่ติดอยู่ในห้าง ทยอยออกมาทางด้านหลัง

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ บินด่วนนำทีมบัญชาการเหตุการณ์ท และ ทีมหนุมาน กองปราบปราม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ นำทีมเดินทางมาสมทบที่โคราช

 

▪20.00 น.

รมว.กระทรวงดิจิตอล เผยร่วมมือกับเฟซบุ๊ก บล็อกเฟซบุ๊กของ จ.ส.อ.จักรพันธ์

 

▪21.00 น.

เจ้าหน้าที่ทุกหน่วย พยายามเข้าระงับเหตุ และค้นหาจุดที่คนร้ายหลบซ่อน พร้อมทั้งพยายามพาคนที่ติดอยู่ในห้างออกมา

 

▪23.00 น.

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เดินทางมาถึง เข้าร่วมประชุมกับ พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. วางแผนจับกุม

พล.ต.ต.จิรภพ พร้อมหนุมานกองปราบ ยึดพื้นที่ชั้น G ของเทอร์มินอล 21 พาประชาชนออกจากห้าง พร้อมตามหากลุ่มคนที่ยังติดอยู่บริเวณอื่นๆ

 

▪00.00 น.

เจ้าหน้าที่กองปราบ ทยอยพาเหยื่อกราดยิงโคราช ออกจากเทอร์มินอล 21 วิน จยย. ช่วยรับส่งคนออกจากพื้นที่ ไม่คิดค่าใช้จ่าย คนร้ายยังอยู่ในห้าง

 

▪00.30 น.

รมว.สธ. ยัน รพ.พร้อมเต็มที่ รับมือคนเจ็บ ย้ำเลือด-ทีมแพทย์เพียงพอให้การรักษา สรุปตัวเลขผู้เสียชีวิต 20 ราย บาดเจ็บ 31 ราย

 

▪01.00 น.

เจ้าหน้าที่สนธิกำลัง ตรึงเข้มรอบเทอร์มินอล 21 คุมสถานการณ์ได้แล้วระดับหนึ่ง มีรายงานว่าคนร้ายยังกบดานอยู่ชั้นล่างของห้างฯ

 

▪01.30 น.

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. แจ้งว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ในห้างเทอร์มินอล 21 โคราช ได้แล้ว รอแถลงรายละเอียด

 

▪02.00 น.

ผบ.ตร. และ ผบ.ทบ. เข้าไปภายในห้าง ตามด้วยเจ้าหน้าที่หลายชุด เพื่อทยอยนำคนในห้างที่ติดอยู่ออกมา คาดยังมีติดอยู่ตามที่ต่างๆ กว่า 100 คน

 

▪02.40 น.

เหตุยิงปะทะ จ่าสิบเอกยิงถังแก๊ส ไฟไหม้ เปิดทางหนีด้านหลังห้างเทอร์มินอล เจ้าหน้าที่ช่วยคนเจ็บจากห้าง ทั้งเด็ก - ผู้ใหญ่กว่า 10 คน

 

▪03.40 น.

เสียงปืนดังขึ้นอีก 3-4 นัด ยังไม่ทราบว่า เป็นเสียงปืนจากฝ่ายใด มีรายงานเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 2 ราย

 

▪05.30 น.

เสียงดังคล้ายระเบิดดังขึ้น  ยังไม่ทราบว่า เป็นเสียงมาจากฝ่ายใด

 

▪08.00 น.ห้อง61 สาธารณภัยได้สรุปสถานการณ์ที่จังหวัดนครราสีมาว่าเบื้อต้นมีผู้เสียชีวิตรวม22ราย บาดเจ็บประมาณ63คน  ยังจับกุมคนร้ายไม่ได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังตรึงกำลังรอบพื้นที่ห้างฯ

 

▪09.00 น.เจ้าหน้าที่ยืนยันแล้วว่าคนร้ายเสียชีวิตแล้วจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่และมีประชาชนบาดเจ็บเพิ่มเติมอีก5ราย กำลังนำส่งโรงพยาบาล

 

▪ 12:00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเปิดเผยถึงจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์กราดยิง โดยจำนวนผู้เสียชีวิต 27 ราย  รวมเจ้าหน้าที่ , ประชาชน และ ผู้ก่อเหตุ มีจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ 57  ราย  กลับบ้านแล้ว 25  แอดมิท 32  ในจำนวนนี้ต้องเข้ารับผ่าตัด 12 ราย และกำลังผ่าตัดอยู่ 8 ราย (ผ่าตัดสมอง 2 ราย) โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่า การเสียชีวิตทั้งหมดมาจากระสุนของผู้ก่อเหตุไม่ได้มาจากกระสุนของเจ้าหน้าที่ โดยการปฏิบัติหน้าที่ ทุกหน่วยงานได้ร่วมการทำงานแบบบูรณาการ และยึดตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก และยึดเอาความปลอดภัยเป็นตัวตั้ง  ส่วนแรงจูงใจการก่อเหตุมาจากความขัดแย้งส่วนตัว 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง