“พลเอก ประวิตร” ย้ำ กอนช. จับตา “พายุซูปเปอร์ไต้ฝุ่นโคนี” ใกล้ชิด

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อ 1 พ.ย. 63 : 07.30  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พร้อม รมช.กษ., รมช.รง. ,รมช.พณ.และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ จว.นครราชสีมา เข้าเยี่ยมเยียนให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพแก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อ.โนนสูง และ อ.พิมาย จว.นครราชสีมา ซึ่งสถานการณ์ภาพรวมน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดรวม 15 อำเภอ คลี่คลายแล้ว 6 อำเภอ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กรมอุตุฯ เตือนรับมือฝนถล่ม 36 จังหวัดวันนี้!

ซูปเปอร์ไต้ฝุ่น “โคนี” พายุแรงสุดในรอบปี ขึ้นฝั่งฟิลิปปินส์ วันนี้

เกาะติด"พายุโคนี"ทวีความแรงเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5

น้ำป่าทะลักวังน้ำเขียว มีผู้เสียชีวิตแล้ว

 โดย พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวให้กำลังใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ในนามรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ย้ำว่ารัฐบาลตระหนักถึงผลกระทบทางจิตใจและความเสียหายจากภัยน้ำท่วมที่เกิดขึ้น โดยได้กำกับติดตามขับเคลื่อนส่วนราชการและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและจิตอาสาในพื้นที่ เพื่อดำรงการช่วยเหลือต่อเนื่องกันมา และพร้อมจะสนับสนุนให้การช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายและผลกระทบที่เกิดขึ้นให้พี่น้องประชาชนทุกคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ขอเป็นกำลังใจและให้อดทนร่วมกัน เชื่อมั่นว่าเราจะสามารถผ่านความยากลำบากนี้ไปด้วยกันโดยเร็ว

นอกจากนี้ได้กำชับให้ กอนช. ได้กำกับให้หน่วยงานเตรียมแผนรับมืออุทกภัยและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้แล้ว รวมถึงอยู่ในระหว่างจับตาพายุไต้ฝุ่น (พายุระดับ 5) “พายุซูปเปอร์ไต้ฝุ่นโคนี” บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ จะเคลื่อนสู่ทะเลจีนใต้ตอนกลางในวันที่ 2 พ.ย. 2563 และมีแนวโน้มจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ช่วงวันที่ 4 - 6 พ.ย. 2563 และอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางของประเทศไทยในระยะต่อไปด้วย

 พร้อมกันนี้ ได้กล่าวขอบคุณทุกส่วนราชการของจังหวัด ภาคเอกชนและจิตอาสาในพื้นที่ ที่ร่วมทำงานและให้การช่วยเหลือเร่งด่วนแก่พี่น้องประชาชนที่ประสบภัยมาตั้งแต่เกิดเหตุ โดยกำชับขอให้ยังคงติดตามเฝ้าระวังสภาพอากาศและช่วยกันเร่งระบายน้ำในพื้นที่นำ้ท่วมขังสูงลงลำน้ำสายหลักให้เร็วที่สุด เพื่อลดผลกระทบความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งร่วมกันสำรวจและเยียวยาความเสียหายของพื้นที่การเกษตร การเสริมการจ้างงาน รวมทั้งช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนและระบบสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหาย  โดยให้ดำรงความต่อเนื่องการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกกับประชาชนในแต่ละพื้นที่ จนกว่าประชาชนจะสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุข  ทั้งนี้ขอให้ สทนช.ใช้โอกาสนี้ พิจารณาแผนและมาตรการป้องกันน้ำท่วม พร้อมกับจัดทำแหล่งเก็บกักน้ำในแต่ละพื้นที่ในคราวเดียวกัน เพื่อรองรับการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมให้ทั่วถึงและเพียงพอกับเกษตรกรในฤดูแล้งที่จะมาถึง

ที่มา: สำนักประชาสัมพันธ์เขต7 กรมประชาสัมพันธ์