หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 24 พฤศจิกายน 2563
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลัง AstraZeneca บริษัทผู้พัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ดของสหราชอาณาจักร ได้เปิดเผยผลการทดลองวัคซีนว่า มีผลสำเร็จถึงร้อยละ 70 และมีแนวโน้มที่จะพัฒนาไปสู่ระดับร้อยละ 90 ได้ โดยคาดว่า AstraZeneca จะสามารถผลิตวัคซีนได้ 200 ล้านโดส ภายในสิ้นปีนี้
+ กระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐฯ คาดว่าจะเริ่มมีการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 หลังจากที่วัคซีนได้รับการอนุมัติ ประมาณ 1-2 วัน ซึ่งเบื้องต้น Pfizer และ Moderna จะเข้าพบเจ้าหน้าที่ของกระทรวงในการพิจารณาขอการใช้วัคซีนฉุกเฉินภายในกลางเดือนธ.ค. นี้
+ กลุ่มโอเปกและประเทศพันมิตร มีแนวโน้มขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบออกไป จากเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือน ธ.ค. 63 โดยการประชุมจะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย. และ 1 ธ.ค. 63 นี้
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังโรงกลั่นฯ ในจีนเตรียมส่งออกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นหลังได้รับอนุมัติโควต้าส่งออกเพิ่มเติมจากรัฐบาล ประกอบกับโรงกลั่นฯ ในอินเดียและญี่ปุ่นมีการเพิ่มอัตราการกลั่นมากขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังคาดว่าจะมีการส่งออกมากขึ้นจากจีน อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในภูมิภาคเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังหมดฤดูมรสุม
ที่มา : บมจ.ไทยออยล์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า ความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จะทำให้มีการเปิดเศรษฐกิจและหนุนความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 43.06 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 46.06 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.ปีนี้