ทหารกะเหรี่ยง KNU และกองกำลัง KNLA กองพล 5 รวมพลโจมตี ทหารเมียนมา ไฟท่วมค่าย ยึดฐานซอแลท่าริมน้ำสาละวินสำเร็จ เจ้าหน้าที่เร่งอพยพคนไทยบ้านแม่สามแลบไปอยู่พื้นที่ปลอดภัย
วันที่ 27 เมษายน 2564 เมื่อเช้ามืดเวลาประมาณ 05.00 น. ที่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน บ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน มีรายงานข่าวแจ้งว่า กองกำลังทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ Karen National Union: KNU และ กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง Karen National Liberation Army (KNLA) กองพลที่ 5 เขตมือตรอ รัฐกะเหรี่ยง บูรณาการกำลังร่วม พร้อมอาวุธสงครามครบมือ ทั้งอาวุธหนักและอาวุธปืนประจำกาย บุกจู่โจมเข้าตีฐานซอแลท่า ซึ่งเป็นที่มั่นแห่งหนึ่งของทหารเมียนม่า กองพันเคลื่อนที่เร็วที่ 340 ( พัน.คร.340 ) ตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ
โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้ปะทะอย่างรุนแรง มีไฟลุกไหม้ในฐานที่มั่นของฝ่ายทหารเมียนมา แสงไฟสว่างเห็นได้ชัดเจนถึงฝั่งไทย ซึ่งจุดปะทะระหว่างกองกำลังทหารชนกลุ่มน้อย กะเหรี่ยง KNU ร่วมกับ KNLA ที่โจมตีทหารเมียนมา เกิดขึ้นบริเวณฐานที่มั่นของทหารเมียนมา ตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ อำเภอสบเมย ริมแม่น้ำสาละวิน
การปะทะกันครั้งนี้ส่งผลให้ราษฎรในหมู่บ้านแม่สามแลบ จำนวน 100 กว่าคน ที่เปิดร้านขายสินค้า ตรงข้ามฐานทหารเมียนมา ต่างตื่นตระหนก และพากันหลบหนีไปหลบภัยการสู้รบ บริเวณสนามฟุตบอลทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1.5 กม.
ฐานซอแลท่า ของทหารเมียนมา สังกัดพัน.คร.340 มี พ.ท.กองตานจ่อ เป็นผบ.พัน มีกำลังประจำฐานประมาณ 45 นาย ผลการสู้รบทหารกะเหรี่ยงสามารถเข้ายึดฐานที่มั่นของฝ่ายเมียนมาได้สำเร็จ ทำให้ทหารเมียนมาที่ประจำการฐานนี้ประมาณ 40-50 นาย ต้องหนีกระเจิงออกจากฐาน โดยขณะนี้ยังไม่มีรายงานความสูญเสียของทั้ง 2 ฝ่าย
ขณะที่ฝ่ายปกครองจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ประสานไปยังองค์การบริหารส่วนตำบล( อบต.) และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองท้องที่บ้านแม่สามแลบ เพื่อวางแผนอพยพ ราษฏรไทย บ้านแม่สามแลบ มายังพื้นที่ปลอดภัย
ทั้งนี้ หลังทหารเมียนมาเข้ายึดอำนาจล้มการเลือกตั้ง ปลุกกระแสต่อต้านการรัฐประหารไปทั่วประเทศ รวมทั้งในเขตอิทธิพลกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งกองกำลังชนกลุ่มน้อยออกมาประกาศให้การคุ้มครองการเคลื่อนไหวของมวลชนจากเจ้าหน้าที่รัฐของทางการเมียนมา จนเกิดการปะทะต่อเนื่อง โดยกองกำลังกะเหรี่ยง ซึ่งอยู่ติดแนวพรมแดนตะวันตกของไทย บุกตีฐานทหารเมียนมาหลายจุด ต่อมาทางการเมียนมาตอบโต้ด้วยการส่งเครื่องบินรบขึ้นทิ้งระเบิด ราษฎรกลุ่มชาติพันธุ์ทะลักหนีภัยสู้รบเข้าเขตไทย ก่อนถูกผลักดันกลับเมื่อเหตุการณ์สงบ
แต่ยังมีเหตุกระทบกระทั่งเป็นระยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฐานทหารเมียนมาริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน ซึ่งถูกโอบล้อมในพื้นที่อิทธิพลกะเหรี่ยง ทางการเมียนมาส่งกำลังบำรุงได้ยาก ขณะที่การสั่งซื้อสินค้าจากฝั่งไทยก็ถูกจับตาและกดดันจากกระแสต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา ทหารเมียนมาริมฝั่งสาละวิน ซึ่งเป็นพรมแดนตามธรรมชาติระหว่างเมียนมากับไทย สั่งให้เรือที่ขนส่งสินค้าขึ้นล่องลำน้ำไปส่งราษฎร 2 ฝั่งน้ำตามปกติ ต้องแวะให้ตรวจก่อนผ่านด่าน จนเกิดเหตุยิงเรือราษฎรไทย ซึ่งต่อมาเมียนมาแจ้งว่า เป็นการยิงเพื่อเรียกเรือไปที่ด่านเพื่อจะซื้อสินค้า กระทั่งมาเกิดเหตุปะทะครั้งล่าสุด ซึ่งต้องจับตาว่าทหารเมียนมาจะสั่งปฏิบัติการทางอากาศอีกหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง