นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามตรวจสอบกรณีการปนเปื้อนกากของเสียอุตสาหกรรมบริเวณอ่างเก็บน้ำลุ่มน้ำโจนแห่งที่ 16 และนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ก่อมลพิษ นั้น คพ. ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ และเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564
ผู้อำนวยการกองกฎหมาย และกองตรวจมลพิษ คพ. ร่วมกับผู้แทนกรมทรัพยากรน้ำบาดาล สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฉะเชิงเทรา และสำนักงานชลประทานที่ 9 เข้าพบหารือกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เพื่อพิจารณาเอกสารหลักฐานในการดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำความผิด และข้อกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม กรณีการปนเปื้อนกากของเสียอุตสาหกรรมบริเวณอ่างเก็บน้ำลุ่มน้ำโจนแห่งที่ 16
นายอรรถพล กล่าวว่า จากการพิจารณาประเมินพยานหลักฐานการตรวจพิสูจน์ของ คพ. และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล พบว่ามี หลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีอาญากับผู้ประกอบกิจการโรงงานที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ตามมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.การชลประทานหลวง พ.ศ. 2485 โดยกรมชลประทานจะดำเนินการร้องทุกข์ต่อ บก.ปทส. และคพ. กับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล จะสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการเพื่อใช้ประกอบการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.การชลประทานหลวง พ.ศ. 2485 กับผู้ประกอบกิจการโรงงานที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
ทั้งนี้ คพ. จะร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมชลประทาน ดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ ตามมาตรา 96 และ 97 แห่ง พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 โดยครอบคลุมถึงค่าเสียหายของกรมชลประทาน ค่าเสียหายจากการที่ประชาชนไม่มีน้ำใช้ การปนเปื้อนของน้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูอ่างฯ 16 ต่อไป นายอรรถพล กล่าว