ผมคือคีย์สำคัญของรัฐบาล จะสั่นคลอนหรือเสถียรภาพ จะดี-ไม่ดี จะมั่นคงหรือไม่มั่นคง อยู่ที่ตัวผมเป้าคือล้มรัฐบาล
กลายเป็นหมู่บ้านกระสุนตกเต็มๆ สำหรับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช. เกษตรและสหกรณ์ เจ้าของฉายา “มือประสานสิบทิศ” หลังถูกทั้งฝ่ายค้าน รวมถึงเพจต่างๆ ออกมาเปิดเผยข้อมูลทั้งในคดียาเสพติด กรณีถูกถอดยศ หรือล่าสุดเป็นกรณีวุฒิการศึกษาปริญญาเอก ซึ่งถกเถียงกันว่าเป็นวุฒิจริงหรือไม่? ตามมาด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมในการเป็นรัฐมนตรี ที่อาจส่งผลกระทบไปถึงเสถียรภาพของรัฐบาล
ร.อ.ธรรมนัส ให้สัมภาษณ์พิเศษกับรายการ “เนชั่นสุดสัปดาห์กับ 3 บก.” ออกอากาศทางเนชั่นทีวีช่อง 22 ทุกวันเสาร์ เวลา 17.00-18.00 น. โดยพูดถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังของกระแสต่างๆ ในขณะนี้ว่า
“เป้าหมายคงไม่ใช่อยู่ที่ผม อย่างที่เคยเรียนกับพี่น้องสื่อมวลชนหลายครั้งว่า ผมคือตัวคีย์สำคัญของรัฐบาล เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ เมื่อครั้งที่มีการรวบรวมเสียงเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ผมเป็นคนจัดการทั้งหมด ดังนั้นผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่พยายามจะโจมตีผมก็รู้อยู่แล้วว่า ผมคือตัวคีย์สำคัญของรัฐบาล รัฐบาลจะสั่นคลอน หรือเสถียรภาพรัฐบาลจะดีหรือไม่ดี จะมั่นคงหรือไม่มั่นคงอยู่ที่ตัวผม เป้าก็คือต้องการล้มรัฐบาล ล้ม พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มากกว่า
การที่กลายเป็นหมู่บ้านกระสุนตกเชื่อว่าเป็นการมุ่งเน้นไปที่รัฐบาลเป็นตัวหลัก เพราะถ้าต้องการมุ่งมาที่ตัวผมทำไมถึงเพิ่งมาทำ เรื่องนี้ฝ่ายข่าวกรองเขารู้หมดแล้วว่าใครอยู่เบื้องหลัง เป็นกระบวนการที่จ้องจะล้มรัฐบาลโดยเฉพาะ เพราะพรรคร่วมรัฐบาล 19 พรรคเป็นพรรคที่ผมไปคุยถือว่าเป็นสาระสำคัญ
“ถ้าเปรียบเทียบกับร่างกายผมก็เป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่ ถ้าเส้นเลือดใหญ่เส้นนี้แตกไปเมื่อไหร่รัฐบาลจะล้มหากไม่มีเส้นเลือดใหญ่เส้นนี้ ตอนนี้ผมก็ต้องมีแผนสำรองไว้แล้วคือทุกพรรคที่มาร่วมรัฐบาล ณ เวลานี้ก็จะมีตัวที่คอยเชื่อมซึ่งมอบหมายให้คนดูแลในแต่ละกลุ่ม ดังนั้นที่เขาจ้องมาที่ผมมันจะ เกิดผลอย่างไร มันก็ไม่มีผลต่อรัฐบาลอยู่ดี”
ร.อ.ธรรมนัส ยํ้าว่า ตอนไปดีลกับ 19 พรรคต้องบอกว่าผมไม่ได้อยู่ในสนามการเมืองเฉพาะการเลือกตั้งในครั้งนี้ แต่อยู่เบื้องหลังการเมืองมานานพอสมควร ฉะนั้นส.ส.ส่วนใหญ่ก็จะรู้จักกันดี ความผูกพันในอดีตจึงทำให้เขามั่นใจในตัวผม
ส่วนภาพที่มีการสื่อออกไปในระหว่างการชี้แจงกระทู้ถามสดในสภาฯ ที่ดูเหมือนว่าจะดุดันกว่าปกติ เวลาคนเราพูดออกมาจากใจ ใส่อารมณ์เข้าไปหน่อย ไม่ได้โกรธใครแต่ผมเอาจริงเอาจัง ไม่ได้หมายความว่าจะไปโกรธใคร แต่เป็นบุคลิกส่วนตัวเวลาเอาจริงเอาจังจะไปแบบนี้ ส่วนวาทะที่ว่าอยู่กับปัจจุบันนั้นสมัยวัยรุ่นผมเป็นคนใจร้อน ผมพูดแบบนั้นหมาย ความว่าอยากจะให้ผมกลับไปเป็นแบบเด็กๆ เหรอ
หลังจากเจอมรสุมเป็นหมู่บ้านกระสุนตกขณะนี้พรรคต่างๆ ที่ไปดีลไว้ทุกคนทุกพรรคส่งเอสเอ็มเอส ส่งไลน์มาให้กำลังใจ และที่สำคัญคือสมาชิกพรรคฝ่ายค้านยังส่งเอสเอ็มเอส ส่งไลน์มาให้กำลังใจบอกให้สู้ๆ ท่านเป็นคนจริง
เมื่อถามว่า ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ในแง่ของการเล่นหมากรุก ถ้ารุกไปถึงตัวรัฐมนตรีจะรุกถึงตัวรัฐบาลหรือไม่? ร.อ.ธรรมนัส ตอบว่า เขาคงมองว่าล้มผมได้นั่นหมายความว่ารัฐบาลสั่นคลอน แต่ผมไม่มีอะไร ผมชี้แจงไปหมดแล้ว จะไปขุดไปคุ้ยอะไรอีก ผมเชื่อว่ายังมีอีก แต่ผมตอบคำถามได้หมด ในเรื่องคดีที่ประเทศออสเตรเลียที่มี 2 เวอร์ชัน ผมว่าคนที่เอาข้อมูลมาแชร์เขาไม่รู้กฎหมายของประเทศออสเตรเลียจริง มันต้องศึกษากฎหมายให้ดีจะไปวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินคดีไม่ได้ ที่สำคัญคือประเทศออสเตรเลียถือว่ามีกฎหมายที่ค่อนข้างรุนแรง
ส่วนที่มีการหยิบประเด็นนี้มาโจมตีเมื่อเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรี “ผมว่าผมตอบได้ทุกคำถาม ปัญหาผมแก้ได้ ผมไม่ได้มองตัวเองว่าเป็นจุดอ่อน”
สำหรับเสียงฝ่ายรัฐบาลที่มีการมองว่า อยู่ในระดับปริ่มนํ้า 250 หรือ 251 เสียงนั้น นักรบทุกคนเขาไม่พกกระบี่แค่ 2 ด้าม ผมก็ต้องมีกระบี่สำคัญของผมด้วย มั่นใจว่าในเรื่องการดูแลประสานมีกลยุทธ์แบบ 1 แบบ 2 แบบ 3 เสียงของรัฐบาลไม่ใช่รัฐบาลเสียงปริ่มนํ้า แม้จะมีไม้ที่ 3 ก็ไม่ยากต่อการประสานงาน เรื่องนี้เป็นสัญญาใจกัน
ในการประสานแต่ละพรรคมนุษย์เราทุกคนมีจุดอ่อนเป็นของตัวเอง เราก็ต้องศึกษาว่าเขามีจุดอ่อนตรงไหน ก่อนจะไม่คุยต้องมีคำตอบว่าจะไปตอบโจทย์ตรงไหน ซึ่งก็ไม่ผิดไปจากนั้น นักการเมืองถ้ารักษาคำพูด อะไรที่มันร้ายแรงมันก็จะคลี่ คลายไปด้วยดี โดยส่วนตัวยึดถือคำพูดรับปากแล้วว่า จะต้องทำก็ต้องทำ การที่เขาลุกขึ้นมาปึงปังเป็นเพราะรับปากเขาแล้วไม่ทำ มันต้องมีที่มาที่ไป อันที่จริงแล้วเขาไม่ผิดเราไปผิดสัญญากับเขาเอง
สุดท้ายถ้าจะบอกถึงตัวตนของตัวเองจะบอกว่า ชีวิตผมคุณแม่ผมเคยขอร้องว่าลูกต้องมีเงินมีทอง อย่าไปเล่นการเมือง คุณพ่อคุณแม่เคยสอนว่า การเมืองนี่แหละจะทำลายลูก ก็ไม่คิดว่าชีวิตจะต้องมาพัวพันกับการเมือง พอมันมายุ่งการเมืองมันก็เป็นความรับผิดชอบที่เราต้องรับปากเขาแล้ว รับปากชาวบ้านแล้วเราจะไปผิดคำพูดไม่ได้ แต่ถ้าถามว่า สมัยหน้าจะลงอีกหรือไม่ก็ยังยืนยันว่าจะลงอีกเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าคนพะเยายังจะเอาผม ยิ่งพอได้เป็นรมช.เกษตรฯก็ได้ไปเห็นความเป็นอยู่ของคนทุกภาค
ชู‘วันแมป’แก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อน
ร.อ.ธรรมนัสพูดถึงบทบาทการเป็นรัฐมนตรีเริ่มที่ประเด็นลูกรัก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ว่า ท่านก็เอ็นดูผม งานที่มอบหมายผมก็ทำตามที่ท่านสั่ง และไม่เคยเรียกร้องตำแหน่งอะไร แม้กระทั่งตำแหน่งรัฐมนตรี แต่สุดท้ายพอนายบอกว่าต้องมาเป็นก็ต้องมาเป็น พอมาอยู่ตรงนี้ก็ได้เห็นว่า เศรษฐกิจก็แย่ ธรรมชาติก็แย่ ผ่านไปไม่กี่วันภัยแล้งลามไปไม่รู้กี่จังหวัด
การมารับตำแหน่งรมช.เกษตรฯตั้งธงไว้ว่า เรื่องที่อยากทำและจะต้องทำให้สำเร็จ อันดับแรกซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญคือ เรื่องที่ทำกินของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องการออกส.ป.ก. ซึ่งเป็นส่วนที่ผมดูแล ก็ตั้งเป้าว่าที่ดินในส่วนนี้ทั้งหมดจะมีการจัดสรรให้พี่น้องเกษตรกรได้ทำกิน อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ผมจะต้องทำเป็นเรื่องที่หนึ่ง ปัญหาต่างๆ ในเรื่องที่ดินส.ป.ก.ที่จะสะสมมานานจะต้องยุติ แก้ไขให้ได้
ณ เวลานี้มีปัญหาในเรื่องที่ทับซ้อนกรมอุทยานฯ กรมป่าไม้ และส.ป.ก.ซึ่งมีปัญหาราชการ และเอกชนรุกที่่ ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูในเรื่องนี้ เริ่มมีการประชุมเพื่อที่จะนำไปสู่เป้าหมายการทำ One Map ซึ่งจะต้องมีแผนที่เดียวตอบโจทย์การแก้ปัญหาได้แบบสิ้นสุดถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ
ขั้นตอนต่อไปหลังคณะกรรมการมีข้อสรุปในเรื่องแผนที่ที่เป็นแผนที่เดียวก็จะมีการนำ เสนอครม.เพื่ออนุมัติ เมื่อมีผลบังคับใช้ หลังจากนั้นก็จะต้องเริ่มทันที อันไหนที่เป็นหน้าที่ของกรมอุทยานฯก็ดำเนินการไป อันไหนที่เป็นของส.ป.ก.ให้จัดสรรให้พี่น้องเกษตรกร พื้นที่ตรงไหนที่เหมาะกับการทำการเกษตรเราอาจจะทำให้ชาวบ้าน ได้ทำเป็นวิสาหกิจชุมชน เชิงท่องเที่ยวเพื่อให้มีที่ทำกิน ซึ่งเรื่องนี้เป็นไปตามนโยบายพรรคพลังประชารัฐ ในการเอาที่ทำกินคืนให้เกษตรกร ไม่ต้องโดนจับกุม
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3505 หน้า 16 วันที่ 15 - 18 กันยายน 2562