ฝ่ายค้านตั้งข้อหาฉกรรจ์-นายกฯ5รมต.

31 ม.ค. 2563 | 19:25 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ก.พ. 2563 | 02:31 น.

 

ฝ่ายค้านล็อก 6 รมต. “พล..ประยุทธ์-พล..ประวิตร-วิษณุ-พล..อนุพงษ์-ดอน-ธรรมนัสขึ้นเขียงซัก ฟอก แต่ละคนถูกตั้งข้อหาฉกรรจ์ ฝ่ายค้านต้องการอภิปราย 3 วัน 19-21 .. แต่รัฐบาลอยากให้อภิปราย 25-27 ..

พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทน ราษฎร เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563 ขอเปิดอภิปรายทั่วไปไม่ไว้วางใจ จำนวน 6 คน ประกอบด้วย

1.พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม 2.พล..ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี 3.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี 4.พล..อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย 5.นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ..ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์

นายสมพงษ์ ระบุว่า ทั้ง 6 คนที่ยื่นไม่ไว้วางใจ เพราะมีข้อมูลชัดเจนที่จะสามารถอภิปรายชี้แจงให้ประชาชนได้เห็น แม้ว่าในสภาฯ จะไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ เพราะเสียงของรัฐบาลมีมากกว่า ส่วนคนที่มีชื่อแล้วถูกตัดไป เพราะข้อมูลยังไม่ชัดพอ

 

ฝ่ายค้านตั้งข้อหาฉกรรจ์-นายกฯ5รมต.

 

งัดข้อวันซักฟอก

ด้านนายชวน กล่าวว่า หลังจากรับหนังสือแล้ว จะส่งให้ฝ่ายเลขาธิการสภาฯ ตรวจสอบความถูกต้องของญัตติ ภายใน 7 วัน

ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวว่า เบื้องต้นได้หารือกับวิปรัฐบาลแล้ว เห็นตรงกันว่า ให้เริ่มอภิปรายวันที่ 19-21 กุมภาพันธ์นี้ และให้ลงมติวันที่ 22 กุมภาพันธ์

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ฝ่ายรัฐบาลจะให้อภิปรายในช่วงวันที่ 25-27 กุมภาพันธ์ แล้วลงมติในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ก่อนที่จะปิดสมัยประชุมในวันที่ 29 กุมภาพันธ์


 

 

เปิดข้อหา6รมต.

สำหรับเนื้อหาของญัตติที่ยื่นนั้น ในส่วนของ พล..ประยุทธ์ ถูกกล่าวหาด้วยถ้อยคำที่รุนแรง นับตั้งแต่เข้ายึดอำนาจ โดยบรรยายพฤติกรรมของรัฐมนตรีทั้ง 6 คน อาทิ

1.พล..ประยุทธ์ เป็นผู้ไม่ยึดมั่นและศรัทธาต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขล้มล้างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ กระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ ใช้อำนาจที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู สร้างกลไกในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อมุ่งสืบทอดอำนาจ

ปล่อยให้มีการทุจริต ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง บริวารและพวกพ้อง บริหารราชการแผ่นดินโดยขาดความรู้ความสามารถผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง มีการกระทำอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ มีพฤติการณ์รํ่ารวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ ล้มเหลวและไร้ประสิทธิภาพในการดูแลด้าน เศรษฐกิจ

2.พล..ประวิตร ไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองและพวกพ้อง ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเอง มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ

3.นายวิษณุ เครืองาม ก้าวก่าย แทรกแซง การปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรในกระบวนการยุติธรรม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและผู้อื่น เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายด้านการเงินแก่รัฐจำนวนมาก ทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นเรื่องของอภินิหาร เพื่อช่วยเหลือและเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง และไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

4.พล..อนุพงษ์ เผ่า-จินดา บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ฉ้อฉล ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้สำหรับตนเอง บริวารและพวกพ้อง ก้าวก่ายแทรก แซงการปฏิบัติหน้าที่ประจำของข้าราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต

5.นายดอน ปรมัตถ์วินัย บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่อง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ มีพฤติการณ์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ประจำของราชการเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง แทรกแซงกระบวน การยุติธรรม เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทข้ามชาติ

6...ธรรมนัส พรหมเผ่า บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่อง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เข้าสู่ตำแหน่งโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ปกป้องพวกพ้อง

 

 

“วิษณุไม่หนักใจ

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเป็น 1 ในชื่อรัฐมนตรีที่ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประเด็นทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม ว่า เมื่อฝ่ายค้านยังไม่ถาม ก็เลยนึกไม่ออก ยังไม่ได้เตรียม

ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจว่าจะชี้แจงได้ ไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวตอบด้วยพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 5 ว่าสุจริตคือเกราะบัง ศาสตร์พ้อง ปัญญาประดุจดัง อาวุธ กุมสติต่างโล่ป้อง อาจแกล้วกลางสนาม

 เมื่อถามว่าใครจะเป็นคนอภิปรายหลักในส่วนของ นายวิษณุ ใช่นายปิยบุตร แสงกนกกุล .. บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นใครก็เชิญ ไม่ได้ว่าอะไร ทั้งระบุว่าไม่เห็นจะต้องดูโหงวเฮ้งอะไร นายปิยบุตร ไม่ใช่ใครที่ไหน ผมรู้จักภรรยาเขา และถ้าตอบไม่ได้ ก็ยกมือไหว้ก็จบ ส่วนประเด็นที่จะอภิปราย ในเมื่อเขายังไม่ได้ถามแล้วจะมาเซ้าซี้ทำไม

 

หน้า 12 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ  ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,545 วันที่ 2-5 กุมภาพันธ์ 2563