ผลพวงจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ใน “คดีเงินกู้” นอกจากศาลจะสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคทั้ง 16 คน เป็นเวลา 10 ปีแล้ว สิ่งที่จะตามมาต่อจากนี้คือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค จะต้องเผชิญวิบากกรรมอยู่ในข่ายถูกดำเนินคดีอาญา
โดยเฉพาะ ธนาธร ในฐานะหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นผู้ให้กู้ ถือเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 66 ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง และการที่พรรคอนาคตใหม่รับเงินกู้ยืมเป็น การฝ่าฝืนมาตรา 72
โทษอาญาที่ต่อเนื่องจาก “คดีเงินกู้” สำหรับ ธนาธร คือ มาตรา 124 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 5 ปี
อีกกรรม ตามมาตรา 126 ผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 72 ต้องระวางโทษจําคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับ เลือกตั้งของผู้นั้น
สำหรับ ธนาธร ยังมีอีกกรณีที่รอการถูกดำเนินคดีอาญาคือ กรณีที่ถือครองหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 ว่ามีความผิดและต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.ไปแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่าง การสอบสวนรวบรวมข้อมูลของ กกต.
อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. การเลือกตั้ง 2561 มาตรา 151 ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอม ให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปี
ทั้ง “คดีเงินกู้” และ “คดีถือหุ้นสื่อ” ธนาธร เข้าข่ายมีความผิดโทษอาญารวม 3 กรรม คือ ตามพ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 124 กับ มาตรา 126 และตามพ.ร.บ. การเลือกตั้ง มาตรา 151 รวมโทษจำคุกไม่เกิน 18 ปี
ทั้ง 2 คดี ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ก็ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต.เพื่อให้เร่งรัดดำเนินการ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานต่อไปแล้ว
อนาคตของ ธนาธร จะเป็นเช่นไร ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในคุก หรือ ต้องหลบหนีไปต่างประเทศหรือไม่ ต้องรอลุ้นกันต่อไป...
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,552 วันที่ 27-29 กุมภาพันธ์ 2563