ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า เป้าหมายการทำงานกับพรรคพลังประชารัฐยังมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่กรรมการบริหารงานพรรคต่อไปเพื่อสานต่อนโยบายของพรรคที่มุ่งเน้นให้ประชาชนกินดีอยู่ดีอย่างยั่งยืนมากขึ้นโดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความยากจน และยกระดับรายได้ของเกษตรกร ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของเศรษฐกิจฐานราก
โดยทีมนโยบายอยู่ระหว่างหาแนวทางใหม่ๆ ในการหาแหล่งเงินเพื่อพัฒนาประเทศ เพื่อออกจากข้อจำกัดจากรายได้ทางภาษีและเพดานการกู้เงิน
โดยเฉพาะการใช้ศักยภาพของตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศด้วยการส่งเสริมให้มีการจัดตั้งกองทุนที่จะมาพัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise (SE) ที่จะแก้ไขปัญหาความยากจน
ส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่ม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่น การบริหารจัดการน้ำ
กลไกของตลาดทุนจะเปิดให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนามากขึ้นแทนที่เราจะเก็บภาษีคนรวยมาช่วยคนจน เราก็ให้คนที่มีเงินเหลือใส่เงินผ่านกองทุนแล้วใช้กลไกกำกับดูแลให้ SE ลงไปทำงานในพื้นที่ก็จะต่อยอด ซึ่งพปชร.ก็อยากให้เป็นไปอย่างนี้ โดยทำควบคู่กันไปกับหน่วยราชการที่เขาก็ทำดีอยู่แล้วอันนี้เป็นส่วนเสริมที่จะเข้าไปแก้ปัญหากลุ่มเปราะบางมากยิ่งขึ้น
"ซึ่งเวลาพูดถึงเงินกองทุนจะคิดว่ารัฐเอาเงินใส่ให้แต่อันนี้ไม่ใช่เงินมาจากเอกชน และประชาชนโดยตรงรัฐอาจให้แค่ Intensive เช่นลดหย่อนภาษีฯ”ดร.นฤมลกล่าว
การดำเนินงานดังกล่าวจะสอดคล้องกับแนวทางขององค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ที่กำหนดเป้าหมายการพัฒนาไปสู่ความยั่งยืน(Sustain Development Goal ) ซึ่งแนวทางเหล่านี้หลายประเทศได้นำไปใช้แล้วเปิดให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมการแก้ไขปัญหาก็จะยั่งยืน
ดังนั้นกองทุนดังกล่าวก็จะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มในท้องถิ่น มี SE เกิดขึ้นโดยเฉพาะเด็กจบใหม่ก็จะเป็นผู้ประกอบการรายใหม่โดยใช้แหล่งเงินจากส่วนนี้ทำให้เกิดการพัฒนาในท้องถิ่น กระจายความเจริญสู่ต่างจังหวัด
“ ขณะนี้ทางคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการระดมทุนผ่านตลาดทุน ในรูปแบบต่างๆ เช่น รูปแบบ ของ Social Impact Bond และ Social Impact Fund มีเป้าหมายในการช่วยเหลือกลุ่มคนเปราะบางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคนพิการ เกษตรกร ผู้ต้องขังพ้นโทษ ให้สามารถประกอบอาชีพได้ โดยมี Social Enterprise เข้าไปดูแล” ดร.นฤมลกล่าว
สำหรับการทำงานที่ผ่านมาของพรรค ได้ผลักดันนโยบายต่างๆ ผ่านกลไกของรัฐบาล โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ที่เข้าไปแก้ปัญหาเรื่องที่ทำกิน ได้ดำเนินการตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้
โดยการมอบเอกสารสิทธิ์ให้กับเกษตรกรเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มพื้นที่เพาะปลูก รวมถึงการจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอ เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค เน้นการบริหารจัดการน้ำเพื่อเพิ่มผลผลิต มีรายได้จากพืชผลเกษตรได้ดียิ่งขึ้น
โดยเห็นได้จาก ราคาพืชเศรษฐกิจ 5 ชนิด เช่นข้าว มันสำปะหลัง อ้อย ยางพารา และน้ำมันปาล์ม มีราคาที่สูงขึ้น และคาดการณ์ในปี 2565 จะสูงขึ้นกว่าปี 2564 เนื่องจากพืชเศรษฐกิจเหล่านี้ เป็นที่ต้องการของตลาดโลก เป็นผลพวงจากที่พรรค ได้ขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ แม้ว่าจะต้องใช้เวลา ในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกรบ้าง
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายแก้ปัญหาที่เป็นผลกระทบประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นหนี้ครัวเรือน การก่อหนี้นอกระบบ เป็นแนวทาง และเป้าหมาย พปชร. อยากจะเข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้มากที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง
ซึ่งได้มีการหารือระหว่างกลุ่ม ส.ส. แต่ละภาคในคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อมุ่งหวังให้พี่น้องฐานราก ลืมตาอ้าปาก อยู่ดีกินดี ยังยืนยันว่า พรรค พร้อมรับใช้ประชาชน เพราะทุกคนยังมีอุดมการณ์เดียวกันที่เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายเหล่านี้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม
รวมถึงกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง รายได้สูง ที่พรรค มีนโยบายเข้าไปช่วยสนับสนุนต่อยอดได้มีกองทุนตรงนี้เกิดขึ้น เพื่อเอื้อให้คนมีฐานะสามารถเข้ามาช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เป็นการสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจ สามารถเข้ามาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผ่านกลไกของกองทุนเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการพัฒนาประเทศ ที่สามารถส่งความช่วยเหลือตรงไปยังพี่น้องประชาชน
ส.ส. และผู้บริหารพปชร.ยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์เดียวกันว่าจะทำอย่างไรเพื่อแก้ไขปัญหาพื้นฐานของพี่น้องประชาชนให้ได้ โดยกลุ่มที่พรรคให้ความสำคัญ คือกลุ่มพี่น้องเกษตรกร กลุ่มมีรายได้น้อย โดยเฉพาะเรื่องของสวัสดิการประชารัฐ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
"จะคงเดินหน้าสานต่อและผลักดันเพื่อมุ่งแก้ปัญหาผู้มีรายได้น้อยได้อย่างยั่งยืน แต่จะเป็นการให้ในลักษณะ ไม่ใช่แค่ให้ปลาแต่ต้องให้เบ็ด เพื่อสอนวิธีตกปลาให้กับให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อยกระดับฐานะของตนเอง ตรงนี้อยู่ในแนวทางพรรค พปชร. ที่ไม่เปลี่ยนแปลง”ดร.นฤมลกล่าว