วันนี้ (26 ก.ค. 2563) นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
สถานการณ์ของบ้านเมืองในขณะนี้ ตรงกับสุภาษิตโบราณที่ว่า “ผีซ้ำด้ำพลอย” แค่นั้นยังไม่พอกำลังกลายเป็น “น้ำผึ้งหยดเดียว” ที่จะเป็นปัญหาบานปลาย เรื่องไม่เป็นเรื่องก็จะเป็นเรื่องทุกประเด็น ที่ไม่มีปัญหาก็จะมีปัญหาในทุกเรื่องในทุกประเด็นเช่นกัน ใครจะคิดว่าอยู่ ๆ เรื่อง "บอสกระทิงแดง" ก็โผล่ขึ้นมาในสถานการณ์ที่นักเรียน นักนิสิต นักศึกษากำลังชุมนุมเป็นกระแสคลื่นกระแทกเป็นระลอก ๆ กระทบไปแต่ละจังหวัด ๆ
ในสถานการณ์ที่มีการปรับเปลี่ยนอำนาจ ชิงไหวชิงพริบทางการเมือง ปัญหาภายนอกก็ยิ่งใหญ่ เรียกได้ว่าทั้งภายในและภายนอกก็ถาโถมเข้ามาที่รัฐบาลเต็ม ๆ และมีแนวโน้มจะขยายวงกว้างไปมากยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่จะมะรุมมะตุ้มกระแทกไปที่รัฐบาลหนักยิ่งขึ้น
ใครจะมองอย่างไรก็ช่างเถอะ แต่ผมว่าไม่ใช่เรื่องเล็กเสียแล้วและจะไปกันใหญ่ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะมาจากสองเรื่อง
1. ผู้มีอำนาจหรือพรรคร่วมรัฐบาลแตกกันเอง
2. การชุมนุมเคลื่อนไหวขับไล่ของประชาชน
และทั้งหมดก็มาจากจุดเล็กๆ คนน้อย ๆ สะสมไปเรื่อย ๆ มากขึ้น ๆ กลายเป็นจำนวนมากยากที่จะหยุดได้ ยิ่งในยุคนี้เป็นการชุมนุมจริงและการชุมนุมเสมือนจริง เป็นไวรัลที่แพร่กระจายไปได้อย่างรวดเร็วทันทีทันใดและก็ปรากฏขึ้นแล้ว
ผู้มีอำนาจในอดีตที่ล้มไปนั้นก็มาจากความประมาทและมั่นใจในตัวเองสูงจนไม่ฟังใคร แม้แต่คุณทักษิณที่มีอำนาจแข็งมากกว่าใคร ๆ ก็ล้มครืนไปได้เพราะเหตุอย่างที่ว่านี่แหละ
ผมดูจากสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกแล้วผมชักหวั่น ๆ แทนผู้มีอำนาจ ผมรู้ว่าทุกอย่างมันอนิจจัง เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป อำนาจไม่เคยคงที่แต่ความดีสิคงทน
คงต้องตั้งหลักกลับมาทบทวนกันเสียแล้วกระมังว่า ข้อเรียกร้องเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ยุบสภาและเรื่องอื่น ๆ ว่าอะไรมันทำได้-ไม่ได้ เพราะเหตุใด วันเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน บุคคลเปลี่ยน บางทีอาจต้องทบทวนโดยเฉพาะเรื่องรัฐธรรมนูญ มันเหมาะกับบริบทในสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตหรือไม่
สถานการณ์ตอนนั้นเราคิดว่าใช่และเหมาะสม แต่ตอนนี้อาจไม่ใช่และไม่เหมาะสมก็ได้ ปีกว่า ๆ แล้ว น่าจะสำรวจทบทวนกันได้ไหม อย่าปล่อยให้เลยตามเลย อย่าคิดว่าไม่มีอะไร และทั้งหมดอย่าปล่อยให้เป็นไปตามปกติ รัฐบาลและผู้มีอำนาจต้องเป็นหลักต่อการแสดงท่าทีและจริงจังต่อเรื่องเหล่านี้
... ผมเห็นมามากต่อมากแล้ว ประมาท.. มั่นใจในตัวเอง.. ถึงวันนั้น กว่าจะถั่วจะสุกงาก็ไหม้...