เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ 8 ตำแหน่ง 6 คน ประกอบด้วย นายดอน ปรมัตถ์วินัย เป็นรองนายกรัฐมนตรี อีกตำแหน่งหนึ่ง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอนุชา นาคาศัย เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายปรีดี ดาวฉาย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุผลการแต่งตั้ง นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เป็นรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่งหนึ่ง ว่า “ วันนี้เราต้องการอัพเกรดให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) สามารถดำเนินการในเรื่องของธุรกิจ เศรษฐกิจไปด้วย เพราะสังเกตว่าเวลาทูตต่างประเทศเข้ามา เขา จะไม่พูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างเดียว แต่จะพูดถึงโครง การต่างๆ ที่จะร่วมมือกับเรา จึงคิดว่าบางอย่างจะมอบหมายให้นายดอน มาช่วย และในการเดินทางไปต่างประเทศของนายดอน ท่านสามารถที่จะเหมือนเป็นตัวแทนของผมใน การพูดคุยเจรจา โดยเอาหลักการ กฎหมาย และกฎกติกา ทั้งของสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) หรือโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ไปประชาสัมพันธ์ด้วย”
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันข้างหน้าคิดว่าเอกอัครราชทูต กงสุล ผู้แทนทางการค้าของเราจะต้องเร่งรัดในเรื่องเหล่านี้ เพื่อเป็น การฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 รวมทั้งความยั่งยืนในอนาคต เพราะอนาคตเราต้องใช้เวลาทำ ทุกอย่างเป็นโครงการที่ใหญ่พอสมควร และจะออกมาเรื่อยๆ แล้ววันข้างหน้าการตกงานก็จะลดลง แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรใหม่เลยก็จะอยู่ในที่เก่า เราต้องแก้ปัญหาในรูปแบบใหม่ แก้ปัญหาทั้งระบบ แต่อาจต้องใช้เวลาบ้าง
พล.อ.ประยุทธ์ ยังชี้แจงการแต่งตั้ง นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นรมช.แรงงาน ด้วยว่า ตนอยากให้กระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงเศรษฐกิจอีกกระทรวงหนึ่ง เพราะเรามีการจ้างงานจำนวนมาก เราจึงต้องมีคำตอบการมีงานทำมากขึ้น
ส่วน จะมีการเรียกประชุมครม.เศรษฐกิจเมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้โปรดเกล้าฯ ลงมาเลย เราต้องรู้ขั้นตอน ความควรไม่ควร วันนี้ตนก็ยังไม่ได้พูดเรื่องนี้เลย เพราะถือว่าเรื่องนี้กำลังอยู่ในขั้นตอน
เมื่อถามว่ามีฟีดแบ็คต่อรัฐมนตรีบางคนว่าชื่อยังไม่ถึง พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า “ที่บอกว่าบางคน มันมีกี่คนล่ะ กี่คนที่ชอบและกี่คนที่ไม่ชอบ แล้วจะทำอย่างไรให้คนที่ชอบและไม่ชอบเขาเข้าใจว่าเราจะทำงานอย่างไร ครั้งนี้มันไม่ได้อยู่ที่ตัวเขา มันอยู่ที่ครม. อยู่ที่นายกฯ ว่าจะดำเนินนโยบายเรื่องนี้อย่างไร โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจในวันข้างหน้า เรื่องนี้ผมพูดคุยกับเขามาตลอด มีที่ปรึกษาเยอะแยะไปหมด สมาคมต่างๆ ก็ไปพบมาหมดแล้ว แต่มีบางคนที่เดือดร้อนต้องการเร็วและต้องการได้ แต่อย่าลืมว่าจะต้องนึกถึงคนอื่นอีกหลายพวก ทำอย่างไรถึงจะเกิดความเป็นธรรม”
สำหรับคนที่จะมาเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็กำลังหาอยู่ สื่อมีใคร เสนอขึ้นมาบ้าง ช่วยหามาและเสนอมาให้ผม จะถูกใจหรือไม่ถูกใจก็เป็นเรื่องที่ผมจะตัดสินใจเอง สื่ออยากได้ใครก็ลองเสนอขึ้นมา”
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีกระแสข่าวว่ามีชื่อของ นายอนุชา บูรพชัยศรี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จะมาดำรงตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็มีชื่อมาหลายคนเหมือนกันแหละ แล้วสื่อเลือกใคร” ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่าขึ้นอยู่กับนายกฯ ตัดสินใจ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “นั่นไง พอดีก็ไม่ชม ไม่ว่า แต่พอไม่ดีก็นายกฯ รับผิดชอบ มันก็เป็นแบบนี้แหละ”
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,599 หน้า 12 วันที่ 9 - 12 สิงหาคม 2563