ในการแถลงข่าวของ กองทัพเรือ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้ระบุถึงความจำเป็นและเหตุผลสำคัญในการซื้อเรือดำน้ำ มูลค่ารวม 22,500 ล้านบาทว่า ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการป้องกัน คุ้มครองผลประโยชน์ของชาติ รักษาอธิปไตยความมั่นคงทางทะเลของประเทศที่มีมูลค่ากว่า 24 ล้านล้านบาท จึงนับว่า มีความสำคัญอย่างมาก
ข้อมูลจากเว็บไซต์ Global Firepower ซึ่งเป็นเว็บไซต์ในการจัดอันดับแสนยานุภาพทางการทหารระดับนานาชาติประจำปี 2563 ได้เผยแพร่รายงาน 2020 Military Strength Ranking ที่มีประเทศต่างๆเข้าร่วมในการจัดอันดับรวมทั้งสิ้น 138 ประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทร.เดินหน้าซื้อเรือดำน้ำ ชะลอจ่ายเงินงวดแรก
"กองทัพเรือ" ไขปมทำไมต้องซื้อเรือดำน้ำ
ผวา“เรือดำน้ำ” เติมเชื้อไฟการเมือง เสนอกมธ.ทบทวน
“บิ๊กป้อม”พูดชัด! ซื้อเรือดำน้ำเป็นเรื่องของกมธ. จะล็อบบี้ได้อย่างไร
สำหรับการจัดอันดับ "ด้านแสนยานุภาพทางการทหาร" ของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากทั้งหมด 10 ประเทศนั้น พบว่า
อันดับที่ 1 คือ ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งติดอันดับที่ 16 ของโลก
อับดับที่ 2 ของอาเซียน คือ ประเทศเวียดนาม ซึ่งติดอันดับที่ 22 ของโลก
ขณะที่ ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 3 ของอาเซียน อยู่อันดับที่ 23 ของโลก
ตามด้วยประเทศเมียนมา อันดับที่ 4 ของอาเซียน อยู่ในอันดับที่ 35 ของโลก
ประเทศมาเลเซีย อยู่ในอันดับที่ 5 ของอาเซียน และอยู่ในอันดับที่ 44 ของโลก
อันดับที่ 6 คือ ประเทศฟิลิปปินส์ อยู่ในอันดับที่ 48 โลก
อันดับที่ 7 คือ สิงคโปร์ อยู่ในอันดับที่ 51 ของโลก
อันดับที่ 8 คือ กัมพูชา โดยอยู่อันดับที่ 107 โลก
สุดท้าย คือ สปป.ลาว ซึ่งอยู่อันดับที่ 131 ของโลก
สำหรับ ประเทศบรูไน นั้นไม่ได้เข้าร่วมในการจัดอันดับ
สำหรับประเทศในอาเซียนที่มี “เรือดำน้ำ” ประกอบด้วย
1.สิงคโปร์ มีเรือดำน้ำ จำนวน 6 ลำ
2.เวียดนาม มีเรือดำน้ำ จำนวน 4 ลำ
3.อินโดนีเซีย มีเรือดำน้ำ จำนวน 2 ลำ
4.มาเลเซีย มีเรือดำน้ำ จำนวน 2 ลำ
5.เมียนมา มีเรือดำน้ำ 1 ลำ
ขณะที่ 4 ประเทศในอาเซียนที่ยัง “ไม่มีเรือดำน้ำ” ประกอบด้วย ไทย, ฟิลิปปินส์, กัมพูชา และ สปป.ลาว