วันนี้(27 ส.ค.63) พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ(ผบก.ตท.) พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผกก.สน.ทองหล่อ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) แถลงความคืบหน้าคดีนายวรยุทธ หรือ “บอส อยู่วิทยา” ขับรถชนตำรวจตาย เมื่อปี 2555
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวว่า มีพยานหลักฐานใหม่อันสำคัญกับคดีที่จะให้ศาลลงโทษผู้ต้องหาได้ ซึ่งเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวข้องกับประเด็นพยานผู้เชี่ยวชาญด้านความเร็ว และพบพยานหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าได้มีการเสพยาเสพติด แต่ยังไม่ได้มีการดำเนินคดีแต่อย่างใด คณะกรรมการจึงแจ้งข้อเท็จจริงดังกล่าวไปยังอัยการสูงสุดโดยมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เห็นชอบตามที่คณะกรรมการได้เสนอไป โดยมีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีเพิ่มเติมที่เป็นพยานหลักฐานใหม่ไปให้ผบ.ตร.ทราบเป็นที่เรียบร้อย
ทั้งนี้ คณะกรรมการได้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ผบ.ตร.ทราบ 3 ประการ คือ
1.คณะกรรมการพบข้อเท็จจริงอันสำคัญแห่งคดีที่สามารถลงโทษผู้ต้องหาได้ ในข้อหาขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและพยานหลักฐานในเรื่องการเสพยาเสพติด โดยได้รายงานไปยังผบ.ตร. พร้อมมีข้อเสนอให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล พิจารณาดำเนินคดีกับนายวรยุทธ พร้อมทั้งนำประเด็นเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เป็นองค์ประกอบในการพิจารณาด้วย
2.คณะกรรมการได้เสนอข้อบกพร่องของข้าราชการตำรวจจำนวนเดิม 11 ราย และพบข้อบกพร่องใหม่จำนวน 10 ราย ได้มอบหมายให้ผู้บังคับการกองวินัยไปพิจารณาว่าผู้ใดที่เคยลงไปก่อนหน้านั้นแล้ว เพราะตามกฎหมายจะดำเนินการด้านวินัยซ้อนกัน 2 ครั้งไม่ได้ จึงได้มอบหมายให้จเรตำรวจเป็นประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือเป็นกรรมการสืบสวนทางวินัย
3.ได้มีบันทึกแจ้งผบ.ตร.ตามข้อ 1 พบหลักฐานใหม่ให้กับกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อดำเนินการตามกฎหมายด้วย มีความก้าวหน้า โดยสน.ทองหล่อได้สอบปากคำ พยานผู้เชี่ยวชาญด้านความเร็ว 4 ปาก พยานผู้เชี่ยวชาญด้านยาเสพติด 4 ปาก เรียบร้อยแล้ว ตามคำแนะนำของคณะกรรมการตรวจมอบข้อเท็จจริง
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2563 สน.ทองหล่อได้ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อถอนหมายจับเดิม และยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอหมายจับนายวรยุทธ ในข้อหาใหม่ 3 ข้อหา ดังนี้
1.ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถผู้อื่นเสียหาย มีผู้ถึงแก่ความตาย
2.ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรแก่ผู้ได้รับความเสียหายและไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงานในทันที
และ 3.เสพยาเสพติดให้โทษ ประเภท 2 (โคคาอีน) โดยผิดกฎหมาย
ขั้นตอนต่อไปหลังจากออกหมายจับแล้ว ตามป.วิ อาญา หรือตามระเบียบเกี่ยวกับคดี ให้แจ้งทะเบียนประวัติอาชญากรเพื่อประกาศสืบจับนายวรยุทธ จากนั้นจะแจ้งหนังสือไปยังกองการต่างประเทศ ให้ประสานกับตำรวจสากล และแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตามระเบียบปฏิบัติ
ด้าน พล.ต.ต.วรวัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนของตท. วันนี้ได้รับหนังสือจาก สน.ทองหล่อ แจ้งให้ทราบว่ามีการออกหมายจับนายวรยุทธ อยู่วิทยา 3 ข้อหา จึงได้ประสานมายังตท. เพื่อดำเนินการในส่วนการประกาศสืบจับ
ทั้งนี้ทาง ตท. เป็นฝ่ายอำนวยการด้านนิติต่างประเทศ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อมีกรณีที่ผู้ต้องหากระทำความผิดทางคดีอาญาเกิดขึ้นและหลบหนีไปต่างประเทศ โดยไม่แน่ชัดว่าหลบหนีไปประเทศใด แนวทางการสืบหา เพื่อนำตัวบุคคลดังกล่าวกลับมาดำเนินคดี เพื่อให้ศาลลงโทษ จะมีขั้นตอนในการทำหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการประสานงานกับกระทรวงต่างประเทศ และขั้นตอนตำรวจสากล
พล.ต.ต.วรวัฒน์ กล่าวอีกว่า กรณีการออกหมายแดง เพื่อสืบหาแหล่งที่อยู่บุคคลที่ถูกฟ้องแล้วหลบหนีไป มีเจตนารมณ์ที่จะให้ควบคุมตัวเพื่อนำตัวกลับมาฟ้องร้องดำเนินคดีรับโทษต่อศาลตามช่องทางผู้ร้ายข้ามแดน เป็นนัยยะตาม ป.วิอาญามาตรา 141 วรรค 4 กระบวนการทำคำร้องดังกล่าวมีระเบียบที่เกี่ยวข้อง คือ การปฏิบัติเรื่องของการออกหมายสากลสีแดงนั้น ให้ทำขึ้นกรณีที่พนักงานอัยการได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาหรือศาลได้ตัดสินลงโทษผู้กระทำความผิด เมื่อได้รับแจ้งจากพนักงานอัยการ หรือหน่วยงานหนึ่งหน่วยงานใด ให้ตท. พิจารณาร้องขอ ประกาศตำรวจสากลสีแดง ตามหลักเกณฑ์ที่องค์การตำรวจสากลกำหนด ซึ่งต้องเป็นผู้ต้องหาที่ถูกฟ้องแล้ว มีอัตราโทษเกิน 2 ปี
อย่างไรก็ตาม ตท.จะประสานงานกับ สน.ทองหล่ออย่างใกล้ชิด เมื่อพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง แล้วพนักงานอัยการได้สั่งฟ้องผู้ต้องหารายนี้แล้ว ตท.จะทำคำร้องไปยังสำนักงานตำรวจสากล เพื่อออกหมายแดงประกาศสืบจับนายวรยุทธ ต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการตรวจสอบข้าราชการตำรวจพบมีความบกพร่องแต่ไม่ถึงขั้นผิดวินัยร้ายแรง ในจำนวนนี้มีอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เข้าข่ายบกพร่องไม่ควบคุมสั่งการให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ส่วนการจะเอาผิดกับอดีตตำรวจ ยอมรับว่า หากเข้าข่ายความผิดทางอาญาก็สามารถดำเนินการได้ แต่หากเป็นความผิดทางวินัยก็ไม่สามารถดำเนินการได้ แต่จะเป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขต่อไป ส่วนจะมีใครต้องรับโทษอย่างไรบ้าง ต้องรอผลการสอบสวนของจเรตำรวจพิจารณาก่อน
“ผลความเร็วที่เป็นที่สนใจของสังคม ในส่วนของตำรวจยังยืนยันใช้ผลการคำนวณของกองพิสูจน์หลักฐานเป็นหลัก ส่วนผลการสอบเรื่องการคำนวณความเร็ว พบว่ามีความแตกต่างกัน ซึ่งมีทั้ง 125 กิโลเมตรต่อชั่วโมง , 144 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ผลคำนวณทั้งหมดเกินกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามที่กฎหมายกำหนดแน่นอน”
และว่า เรื่องการทำสำนวนในคดีใหม่นี้ คณะกรรมการฯ ไม่ได้นำพยานเดิมที่อยู่ในสำนวนคดีเก่ามาพิจารณาประกอบเป็นคดีใหม่ เพราะเป็นคดีสิ้นสุดไปแล้ว ส่วนการทำสำนวนคดีใหม่ จะยึดหลักผลการสอบพยานและเทคโนโลยีแทน
ทั้งนี้ มีรายงานว่า สำนวนคดีของนายวรยุทธ ตำรวจสน.ทองหล่อ จะส่งให้อัยการพิจารณาได้ในวันที่ 28 สิงหาคมนี้