วิกฤติเศรษฐกิจ เหตุปชป.“คว่ำเรือดำน้ำ”

28 ส.ค. 2563 | 08:47 น.

“อันวาร์”เผย วิกฤติเศรษฐกิจ เหตุผลปชป.มีมติไม่เห็นชอบซื้อ“เรือดำน้ำ”แนะรัฐบาลจัดลำดับปัญหาสำคัญ ก่อน-หลัง ยกปมเหมืองทองหาคนรับผิดชอบ

วันที่ 28 สิงหาคม 2563  นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์  แถลงถึงกรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำว่า จากกรณีที่มีข่าวให้เลื่อนการพิจารณา การจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำมูลค่า 22,500 ล้านบาท จากประเทศจีนของกองทัพเรือ ออกไปเป็นวันที่ 31 ส.ค. 63  ซึ่งในการประชุมเมื่อวันที่ 25 ส.ค.63 ที่ผ่านมาที่พรรคประชาธิปัตย์โดยเชิญคณะกรรมาธิการงบฯปี 64 ในสัดส่วนของพรรคทั้งหมดมาเพื่อซักถามถึงรายละเอียดและความจำเป็นในการจัดซื้อ


ทั้งนี้ เพื่อเปรียบเทียบความเหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศที่กำลังอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจ ธุรกิจหลายภาคส่วนต้องปิดกิจการ ประชาชนตกงานจำนวนมาก รัฐบาลเกิดปัญหาวิกฤตในเรื่องเงินคงคลัง ต้องขอความเห็นชอบจากสภาในการกู้เงินจำนวนมหาศาลมาแก้ไขวิกฤตครั้งนี้  และรับทราบข้อมูลว่า ขณะนี้ก็ยังไม่มีการเซ็นสัญญาใดๆที่เป็นการผูกมัดอันอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายรัฐบาลไทยในกรณีที่จำเป็นต้องยกเลิก หรือชะลอการซื้อในช่วงที่ประเทศยังอยู่ภายใต้วิกฤตขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์จึงมีมติไม่เห็นชอบในการจัดซื้อเรือดำน้ำ
 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายอันวาร์ กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับมติพรรค  แม้เหตุผลที่กองทัพเรืออ้างภารกิจเรื่องความมั่นคงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรับฟัง แต่ความมั่นคงของประเทศ มีหลายด้าน ควรต้องลำดับความสำคัญก่อน และหลัง รัฐบาลจึงควรเห็นแก่วิกฤตประเทศก่อน เช่น ควรพิจารณาแก้ไขในเรื่องความขัดแย้งกรณีเหมืองทองอัครา ที่เกิดจากการผิดสัญญาที่รัฐบาลใช้อำนาจตาม มาตรา 44 ด้วยคำสั่งคสช.ที่ 72/2559 ลงวันที่ 14 ธ.ค. 2559 ที่ประกาศว่า ผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำจะต้องระงับการประกอบกิจการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2560 เป็นต้นไป" 


ซึ่งทำให้รัฐบาลไทยต้องตกป็นจำเลยต่อบริษัทอัครา ไมน์นิ จำกัด ที่เรียกร้องให้มีการชดเชยค่าเสียหายเป็นจำนวนมากถึง 750 ล้านเหรียญสหรัฐ (22,672 ล้านบาท)โดยเป็นคดีตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย. 2560 และหากเกิดพลาดพลั้งแพ้คดี มีข่าวที่ไม่เป็นมงคลว่า อาจจะต้องจ่ายเงินชดใช้เพิ่มขึ้นอีกหลายหมื่นล้านบาท
 

"ผมทราบว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉย เพราะกระบวนการต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด และยังไม่มีคำวินิจฉัยออกมา จึงยังคงมีความหวังและมีโอกาสแต่คดีที่ไม่มีโอกาสเลย คือการฟ้องร้องกันระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)กับเอกชน ในกรณีโครงการโฮปเวล ที่ รฟท.เป็นฝ่ายแพ้คดี รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคม ได้พยายามหาข้อมูลใหม่ ที่จะเอาชนะในคดีนี้ให้ได้ แต่สุดท้ายศาลได้วินิจฉัยเป็นที่สิ้นสุดแล้ว รัฐบาลต้อชดใช้ค่าเสียหายตามจำนวนที่ศาลสั่ง  รัฐบาลควรจัดลำดับว่า เรื่องใดเป็นเรื่องสำคัญที่ต้อง ทำก่อน มากกว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำ เพราะเป็นคำสั่งศาลที่สิ้นสุดแล้วและความเสียหายเริ่มเกิดขึ้นแล้ว เพราะต้องจ่ายดอกเบี้ยถึงสันละ 24 ล้านบาทและสังคมอาจจะต้องถามหาผู้รับผิดชอบในกรณีที่รัฐบาลเพิกเฉย" นายอันวาร์ กล่าว