20 กันยายน 2563 พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงานการชุมนุม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า เมื่อเวลา 09.00 น. ตำรวจมีการเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม ตลอดจนมีการรับมอบหนังสือจากทางกลุ่มผู้ชุมนุม โดยมี พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับมอบด้วยตัวเองในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ หลังจากนั้นจะดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งไม่ใช่ตัวแทนจากสำนักงานองค์คมนตรี ตามที่สื่อมวลชนนำเสนอไป สำหรับเนื้อหาในหนังสือดังกล่าวส่วนตัวแล้วยังไม่ได้ตรวจสอบ
ด้านพล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า การเปิดการจราจรโดยรอบจะให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด เชื่อว่าจะไม่เกินช่วงเย็นวันนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการจราจรที่จะส่งผลกระทบกับประชาชน ส่วนกรณีที่มีการปักหมุดคณะราษฎร จำนวน 2 หมุดที่ท้องสนามหลวงนั้น ตามที่ทราบกันดีว่าสนามหลวงได้ขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ ที่มีทางกรุงเทพมหานคร(กทม.) และ กระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานนี้ต้องหารือการดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งทางตำรวจตรวจสอบแล้วเชื่อว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้จะมีการพิจารณาหากไม่มีความจำเป็น ก็จำเป็นต้องนำหมุดดังกล่าวออกจากพื้นที่
ส่วนการชุมนุมครั้งนี้จะมีการเอาผิดกับผู้ชุมนุมหรือไม่อย่างไรนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการบันทึกภาพหลักฐานชัดเจน ซึ่งหลังจากนี้จะต้องนำมาพิจารณาจากภาพว่าใครทำอะไรผิดบ้าง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ถือเป็นความผิดต่างกรรม ต่างวาระ ทั้งในเรื่องการชุมนุมไม่แจ้งล่วงหน้า การปักหลักค้างคืนเกินเวลาที่กำหนด
ด้าน นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ข้อความว่า สนามหลวงได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติใน พ.ศ. 2520 โดยพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 32 ผู้ใดบุกรุกโบราณสถาน หรือทําให้เสียหาย ทําลายทําให้เสื่อมค่าหรือทําให้ไร้ประโยชน์ซึ่ง โบราณสถาน ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินเจ็ดปีหรือปรับไม่เกินเจ็ดแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ถ้าการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทําต่อโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว ผู้กระทําต้องระวางโทษ จําคุกไม่เกินสิบปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ มาตรา 33 ผู้ใดทําให้เสียหาย ทําลาย ทําให้เสื่อมค่า ทําให้ไร้ประโยชน์หรือทําให้สูญหายซึ่งโบราณวัตถุหรือ ศิลปวัตถุที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้วต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสิบปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ฉะนั้น การที่กลุ่มผู้ชุมนุมร่วมกันบุกรุกเข้าไปชุมนุมในสนามหลวงที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้วโดยไม่ได้รับอนุญาต ย่อมมีความผิดตามมาตรา 32 วรรคสอง ต้องระวางโทษไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับส่วนการที่ได้มีการทำลายพื้นคอนกรีตและทำการฝังวัตถุที่เป็นโลหะลงไปบนพื้นเป็นการทำให้เสียหายซึ่งโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้วย่อมมีความผิดตามมาตรา 33 ระวางโทษจําคุกไม่เกิน 10 ปีหรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ โดยการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันศาลต้องลงโทษผู้กระทำทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แกนนำม็อบยื่นหนังสือปฏิรูปสถาบัน ประกาศชัยชนะ ยุติชุมนุมแล้ว
"บิ๊กป้อม"ขอบคุณ“ม็อบธรรมศาสตร์” ให้ความร่วมมือจนท.
สอดรับกับความเห็นของ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ซึ่งโพสต์ความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก ใจความว่า ม็อบผิดกฎหมายฝังหมุดคณะราษฯ 2563 ณ สนามหลวง ทำให้มีความผิดตาม ม.32 พ.ร.บ.โบราณสถานเด่นชัดยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 32 ระบุว่า ผู้ใดบุกรุกโบราณสถาน หรือทำให้เสียหาย ทำลายทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่ง โบราณสถาน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินเจ็ดแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำต่อโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว ผู้กระทำต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสิบปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านรายละเอียด พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พ.ศ.2504