ด่วน! พิพากษาประหารชีวิต 'บรรยิน' คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา

15 ธ.ค. 2563 | 05:33 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ธ.ค. 2563 | 12:41 น.

ด่วน! พิพากษาประหารชีวิต 'บรรยิน' คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ให้การเป็นประโยชน์เหลือคุกตลอดชีวิต

 

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 15 ธันวาคม ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและพฤติมิชอบกลาง ถนนนครไชยศรี เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัว พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ พรรคเพื่อไทยหลายสมัยจำเลยในคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาอาวุโส ศาลอาญากรุงเทพใต้ จากเรือนจำบางขวางมายังศาล เพื่อฟังคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำ อท.69/2563

 

คดีนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี  กับพวก  นายมานัส ทับทิม อายุ 67ปี นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48ปี  นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี  นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี และ ด.ต.ธงชัย หรือ สจ.อ๊อด วจีสัจจะ อายุ 63 ปี ทั้งหมดภูมิลำเนา จ.นครสวรรค์ เป็นจำเลยที่ 1-6 ก่อเหตุอุ้มฆ่า อำพรางศพ นายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนที่ พ.ต.ท.บรรยิณ เป็นจำเลยคดีโอนหุ้น จากนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือ “เสี่ยจืด” นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เพื่อบีบบังคับให้ผู้พิพากษาเอนเอียงเข้าข้างตน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในตอนนั้นส่งกำลังตำรวจกองปราบปราม ไปจับกุมตัวพ.ต.ท.บรรยิน ได้เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2563 หลังหลักฐานปรากฏชัดว่า พ.ต.ท.บรรยินเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของพี่ชายผู้พิพากษา โดยมีภาพวงจรปิด ข้อมูลเยี่ยมโยงจุดฆ่า เผาอำพรางศพ

 

คดีนี้อัยการสั่งฟ้อง ในความผิดหลายข้อหา

 

ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 289

 

ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย มาตรา 309, 313

 

ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มาตรา 310

 

ฐานร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป มาตรา 139, 140

 

ฐานเป็นซ่องโจร โดยสมคบกันเพื่อกระทำผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต มาตรา 210

 

ฐานร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการใดโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป มาตรา 213


ฐานร่วมกันซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายและสาเหตุการตาย มาตรา 199

 

ฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นเพื่ออำพรางคดี

 

ศาลอาญาคดีทุจริตและพฤติมิชอบกลาง ได้ไต่สวนพยานทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยแล้วเสร็จ จึงได้นัดฟังคำพิพากษาคดี

 

ต่อมา ศาลพิพากษา ประหารชีวิต พ.ต.ท.บรรยิน อุ้มฆ่า พี่ชายผู้พิพากษา 5 คน แต่ให้การเป็นประโยชน์เหลือจำคุกตลอดชีวิต เว้นจำเลยคนที่ 2 จำคุก 33 ปี 4 เดือน 


โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้ผู้อื่นจนถึงแก่ความตายฯ ลงโทษประหารชีวิต, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 289(4)(7) ลงโทษประหารชีวิต, ฐานแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานฯ จำคุก 1 ปี สวมเครื่องแบบเจ้าพนักงานฯ จำคุก 1 ปี, ซ่อนเร้นทำลายศพฯ จำคุก 4 ปี แต่จำเลยที่ 1 ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษ 1 ใน 3 ทุกข้อหาคงจำคุกจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้นตลอดชีวิตสถานเดียว 


ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานสนับสนุนให้กระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 33 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 4-6 มีความผิดฐานร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายฯ(เรียกค่าไถ่) ลงโทษประหารชีวิต แต่ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต โดยจำเลยที่ 1 ให้นับโทษต่อจากคดีโอนหุ้นจำคุก 8 ปี ของศาลอาญากรุงเทพใต้