เรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุซ้ำซ้อน ปมร้อนของสังคมเวลานี้หลังเกิดปัญหาการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุซ้ำซ้อนและมีการเรียกคืนเบี้ยคนชราเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งให้ชะลอการเรียกคืน หรือฟ้องร้องเอาไว้ก่อน พร้อมให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและแก้ไขความคลาดเคลื่อนของข้อมูลที่เกิดขึ้น
ทั้งยังมีรายงานว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (2 กุมภาพันธ์) นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะมีรายงานแนวทางการแก้ไขปัญหาให้ที่ประชุม ครม. รับทราบ ซึ่งจะเป็นการบูรณาการของหลายหน่วยงาน ส่วนจะมีการเรียกคืนเงินผู้สูงอายุหรือไม่นั้น นายจุติ กล่าวว่า แนวทางที่เสนอไปจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ส่วนจะถึงขั้นนิรโทษกรรมหรือไม่ นายจุติ กล่าวว่า ต้องรอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคุยกัน
ทั้งนี้ รายงานข่าวจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีการเปิดเอกสารคำสั่ง ลงวันที่ 7 เมษายน 2563 เรื่อง ซักซ้อมแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเรียกเงินเบี้ยยังชีพจากผู้สูงอายุที่รับบำนาญจากหน่วยงานของรัฐ ถึง ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด อ้างถึงระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ลงนามโดย นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เนื้อหาสาระสำคัญ สั่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เรียกเงินคืนจากผู้สูงอายุเอง พร้อมกำชับให้เรียกคืนจากทายาทกรณีผู้สูงอายุเสียชีวิตก่อนชดใช้คืน ดังนี้
ด้วยกระทรวงมหาดไทยโดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้รับแจ้งจากหลายจังหวัด ขอหารือแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเรียกเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืนจากผู้สูงอายุที่รับบำนาญจากหน่วยงาน ของรัฐ ซึ่งเป็นผู้ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์ การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การดำเนินการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักของกฎหมาย และวางแนวทางเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถือปฏิบัติ โดยอาศัยอำนาจตามข้อ 5 แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์ การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2552 กำหนดแนวทางการเรียกเงิน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืนจากผู้สูงอายุที่รับบำนาญจากหน่วยงานของรัฐ โดยเห็นว่า
กรณีผู้สูงอายุเป็นผู้ได้รับเงิน สวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ ผู้รับเงินบํานาญ เบี้ยหวัด บํานาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน ผู้ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจํา หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่รัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดให้เป็นประจํา รวมถึงผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้ขาดคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 6 แห่งระเบียบดังกล่าว จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
หากได้รับเงิน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปโดยไม่มีสิทธิ จักเป็นการได้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้และทําให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสียเปรียบ จึงเข้าลักษณะ 4 ลาภมิควรได้แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องระงับการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุทันที ตามข้อ 14 วรรคสอง และข้อ 16 ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพ ผู้สูงอายุ พ.ศ.2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จากนั้นให้ดําเนินการเรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ดังนี้
1.กรณีผู้สูงอายุที่รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไปโดยไม่มีสิทธิ ประสงค์จะคืนเงินจํานวน ดังกล่าวแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเต็มจํานวนในครั้งเดียว ให้ดําเนินการตามมาตรา 406 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หากไม่ประสงค์คืนเงินดังกล่าวองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถฟ้องร้องเรียกคืน เงินจากผู้รับเงินเกินสิทธิไป ภายในกําหนด 1 ปีนับแต่วันที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรู้ว่า มีสิทธิเรียกคืน
2.กรณีผู้สูงอายุที่รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไปโดยไม่มีสิทธิ ประสงค์จะขอผ่อนชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามระยะเวลาที่ได้ตกลงกันให้ดำเนินการตามประกาศ กระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับการผ่อนชำระหนี้ กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือทายาท ได้รับเงินเกินสิทธิหรือได้รับเงินไปโดยไม่มีสิทธิโดยอนุโลม
ทั้งนี้ ให้ทำเป็นหนังสือรับสภาพหนี้และสัญญา ผ่อนชำระหนี้ที่เป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างผู้สูงอายุที่รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไปโดยไม่มีสิทธิหรือผู้แทน กับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
3.กรณีที่ผู้สูงอายุที่รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไปโดยไม่มีสิทธิได้เสียชีวิตลง ทรัพย์สิน ทุกชนิด ตลอดทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบต่าง ๆ ย่อมตกทอดแก่ทายาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1600 ให้บังคับชําระหนี้อันเกิดจากลาภมิควรได้ ดังกล่าวจากทายาทได้เพียงไม่เกินทรัพย์มรดกที่ทายาทนั้นได้รับไปตามมาตรา 1738 แห่งประมวลกฎหมาย ฉบับเดียวกัน
จึงเรียนมาเพื่อทราบ และแจ้งให้นายอำเภอทุกอำเภอทราบ รวมทั้งแจ้งให้องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นทราบและถือปฏิบัติต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ สั่งชะลอเรียกเก็บคืนเบี้ยสูงอายุ ลั่น ไม่ต้องกังวล-ไม่ต้องขึ้นศาล
พม.เร่งช่วยเหลือรับเบี้ยผู้สูงอายุซ้ำซ้อน ส่งทนายเจรจาให้ทุกกรณี
อึ้ง"โคราช"ผู้สูงอายุ 610 ราย ถูกเรียกเบี้ยยังชีพคืนย้อนหลัง
ถกแก้ระเบียบ เรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุ
เปิดรายละเอียด จ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยคนพิการ โอนเงินวันไหนบ้าง