วันที่ 18 ก.พ.2564 น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ "3 ป." ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ประเด็นการทุจริตคอร์รัปชันซึ่งดำเนินการอย่างซ้ำซาก นำงบประมาณแผ่นดินเข้ากระเป๋าตนเองและพวกพ้องด้วยวิธีค้างบประมาณแผ่นดิน
โดยกล่าวหาว่าเมื่อเดือน พ.ค. 57 ทั้งสามคนร่วมกันทำการรัฐประหารด้วยเหตุผลว่ารัฐบาลก่อนหน้าทุจริต แต่หลังรัฐประหาร 2 เดือนก็มีการเล่นแร่แปรธาตุ มีการอนุมัติงบประมาณกว่า 17,000 ล้านบาทให้กับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทยที่พล.อ.อนุพงษ์ นั่งเก้าอี้นี้มานานกว่า 7 ปี ถามว่ามีดีอะไรและหอมหวนอย่างไร
จากนั้นได้แก้ไขกฎระเบียบบางประการให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ที่ในขณะนั้น พล.อ.ประวิตร กำกับดูแลในฐานะรมว.กลาโหมได้รับสิทธิพิเศษประเภทไม่บังคับการจ้างพัฒนาหรือก่อสร้างปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำให้กับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นๆของรัฐ ทำให้เขาไปเอางบประมาณไปทำโดยไม่ต้องประกวดราคาแข่งขันกับใคร เหมือนกับเป็นการเตรียมการไว้
โดย อผศ. ไม่ได้ลงมือทำเองแต่ไปจ้างที่อื่นทำถือว่าทุจริตเกิดความเสียหายโดยมี คุณนายอ.และ สจ.คนดังใน จ.สุพรรณบุรีที่ใกล้ชิดกับพล.อ.ประวิตรและพล.อ.อนุพงษ์ทำหน้าที่ประสานงานกับผู้ใหญ่ในกระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย เพื่อหาผู้รับเหมามารับงาน ซึ่ง อผศ.เหมือนเป็นนายหน้าเข้าไปรับงานจากปภ.
ที่ผ่านมามีการแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปราม และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่ามีการเก็บค่าหัวคิวการขุดลอกคูคลองโดยมีการอ้างชื่อพล.อ.ประวิตร แต่ พล.อ.ประวิตร กลับไม่มาแสดงตนว่าเป็นบุคคลที่ถูกอ้างชื่อและเป็นผู้เสียหาย ทำให้พนักงานสอบสวนไม่สามารถสอบสวนได้และยังเกิดปัญหาแบบนี้อีกหลายจังหวัด
น.ส.นภาพร กล่าวต่อว่า รวมถึงที่ผ่านมายังมีข่าวยืนยันจากนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคมว่าได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้รับเหมาในจ.สงขลาว่ามีการทำนิติกรรมอำพรางใน อผศ.เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ ขอถามว่าวันนี้นายถาวรได้เป็นรัฐมนตรีในครม.ชุดนี้ถามว่ายังอยากเอาผิดผู้ใหญ่คนดังกล่าวอยู่หรือไม่
ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทั้ง พล.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ต่างก็รับทราบแต่ไม่ดำเนินการอะไร เมื่อพบการทุจริตชัดเจนรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร แม้ต่อมาก็ได้ยกเลิกโครงการดังกล่าวของอผศ.ไป
น.ส.นภาพร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังปรากฏว่ามีการเรียกเก็บค่าหัวคิวจากโครงการบรรเทาปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมที่ผ่านครม.มากว่า 20,000 โครงการ ผ่านงบประมาณประจำปี 63 ในวงเงินกว่า 10,691 ล้านบาท โดยรัฐบาลชุดนี้เปลี่ยนมาใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างแบบพิเศษ ไม่ต้องประกวดราคามีการหั่นซอยโครงการ ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายค้านพยายามอภิปรายตัดงบฯ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ และเกิดการใช้งบประมาณผิดวัตถุประสงค์
อีกทั้งยังเป็นกลุ่มใหญ่กลุ่มเดิมที่มีคุณนายอ.และสจ.คนดังเข้ามารับงานเหมือนเดิม จากนั้นก็นำงานไปขายให้กับผู้ประกอบการในท้องถิ่น และยังมีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย กลายเป็นวงจรอุบาทว์หากินจากงบฯแผ่นดิน ซึ่งรัฐบาลไม่ใส่ใจแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น อย่างไรก็ตามหวังว่านายถาวรและพรรคประชาธิปัตย์จะโหวตไม่ไหววางใจเช่นเดียวกับตน และตนจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดนี้ร้องเรียนต่อป.ป.ช.ตรวจสอบต่อไป