“จตุพร”ลั่นได้เวลานับหนึ่ง“บิ๊กตู่”ต้องออกไป

ช่วงเย็นวันนี้(4 เม.ย.64) บรรยากาศการจัดกิจกรรม “ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย” ที่สวนสันติพร อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม โดยกลุ่มสามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย มีนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 เป็นแกนนำ และได้เชิญ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนักเคลื่อนไหวการเมือง อาทิ นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน นายไทกร พลสุวรรณ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรฯ นายการุน ใสงาม อดีต ส.ว. นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง แกนนำคนรุ่นใหม่นนทบุรี รวมถึงอดีตแกนนำ นปช. เข้าร่วม 

การชุมนุมในครั้งนี้เป็นการพบกันในรอบ 7 ปี หลังจากมีการชุมนุมครั้งสุดท้ายเมื่อเดือน เม.ย.2557 ที่มี นายจตุพร เป็นแกนนำม็อบ

ทั้งนี้ก่อนการชุมนุม เมื่อเวลา 16.00 น. พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม ได้เดินทางมายังทำความเข้าใจและเน้นย้ำให้การชุมนุมในวันนี้ อยู่ในกรอบของกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยได้กล่าวกับนายจตุพร ว่า การชุมนุมของกลุ่มไทยไม่ทนสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ทั้ง พ.ร.บ.การชุมนุม และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เนื่องจากทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำเรื่องของอนุญาตในการจัดกิจกรรมแล้ว ตนจึงจะต้องขอทำความเข้าใจ หากเกิดความรุนแรงหรือมีเหตุความวุ่นวาย ทั้งหมดจะต้องถูกดำเนินคดีตามหลัง
                     

ขณะที่ นายจตุพร กล่าวยืนยันว่า การชุมนุมในวันนี้จะดำเนินด้วยความระมัดระวัง และมวลชนที่มาร่วมกิจกรรมจะทำตามข้อกฎหมาย ดูแลไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน และได้ประสานงานกันได้ทุกฝ่าย

นายจตุพร ระบุว่า  วันนี้ได้เวลานับหนึ่งของประเทศไทยตามฤกษ์ 4-4-4 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอกชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นต้องออกไป โดยเป้าหมายหลักของเราอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ 

“วันนี้ผมจะปราศรัยเป็นคนสุดท้าย ซึ่งการเข้าร่วมวันนี้เป็นตามคำเชิญของนายอดุลย์ ซึ่งมีความห่วงใยที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่รับผิดชอบต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ งานในวันนี้ยังไม่ถึงขั้นการชุมนุม แต่เป็นเวทีเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงการบริหารงานที่ผิดพลาดของ พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงเวลา 7 ปี จึงไม่สมควรดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อไป วันนี้ถือเป็นการเริ่มต้นและเชื่อจากนี้ว่าจะมีกิจกรรมรูปแบบอื่นๆ ตามมา”

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า พรรคร่วมรัฐบาลใดที่ประกาศสัญญาไว้กับประชาชนว่าจะไม่ร่วมสังฆกรรมกับ พล.อ.ประยุทธ์ และสร้างเงื่อนไขใหม่ที่ตระบัดสัตย์ จะแสดงความรับผิดชอบกันอย่างไร 

"สามัคคีประชาชน เริ่มมาตั้งพฤษภาปี 35 และหลังจากนั้นมา 15 ปีมานี้ บ้านเมืองมีแต่ความขัดแย้งรุนแรง และผู้ที่ได้รับประโยชน์จากความขัดแย้งในนั้นคือ พล.อ.ประยุทธ์ ผมได้คุยกับ นายอดุลย์ว่า ผมมาในนามบุคคล จะไม่นำองค์กร นปช.มาเกี่ยวข้อง รวมถึงฝ่ายอื่นๆ ด้วย ไม่ให้นำองค์กรมาเกี่ยวข้อง เพราะที่ผ่านมีความสูญเสียเกิดขึ้น เราเข้าใจ ถ้าเราไม่ร่วมมือกัน พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีก 6 ปี นับจากนี้ไป" นายจตุพร ระบุ

ส่วนจะนำไปสู่การชุมนุมยืดเยื้อหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า เราจะเน้นการทำความเข้าใจ ไม่รีบเร่ง เพราะเรามีบทเรียนมามากมาย ดังนั้น เราจะทำความเข้าใจจนเป็นฉันทามติร่วมกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกไป ไม่สามารถบริหารประเทศได้อีกต่อไป และเมื่อเราเห็นพ้องต้องกันก็จะตัดสินใจอีกครั้ง และไม่ได้ขีดเส้นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องออกไปตอนไหน เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ทุกอย่างเป็นเรื่องโชคชะตา