แก้โควิด#3 เดิมพันเก้าอี้นายกฯ

ด้วยเหตุที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 3 ดูท่าจะ “เอาไม่อยู่” ง่ายๆ ทำให้ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม และในฐานะผอ.ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ต้องกลับมา “ยึดอำนาจกฎหมาย 31 ฉบับ” กลับมาอยู่ในมือทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นกุญแจไปสู่การแก้ไขปัญหาแบบ “เบ็ดเสร็จเด็ดขาด”

อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกรัฐบาล ชี้ว่า ต้องขอย้อนกลับไปยังฉบับที่ 1 ซึ่งประกาศเมื่อเดือน มี.ค. 2563 ถือเป็นช่วงการระบาดครั้งแรกในไทย จึงตั้ง ศบค. ขึ้นมาจัดการแพร่ระบาด โดยมีนายกฯ เป็นประธาน และรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย 

เมื่อบริหารจนได้รับการชื่นชมจากทั่วโลก เนื่องจากโควิดลดลง จึงมีประกาศฉบับที่ 2 เมื่อเดือน พ.ค. 2563 ด้วยการยกเลิกอำนาจนายกฯ พร้อมคืนอำนาจให้แต่ละกระทรวงทั้งหมด และเมื่อมาเจอสถานการณ์วิกฤติรอบนี้ จึงออกประกาศฉบับที่ 3 เพื่อเอาอำนาจกลับมายัง ศบค.ให้นายกฯ ในฐานะ ผอ.ศบค.ดำเนินการ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนครั้งแรก 

“อำนาจในประกาศฉบับที่ 3 ก็ยังเท่าเดิม แต่ช่วงแรก ศบค. อาจไม่มีวัคซีนเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นการดูแลตามระบบสาธารณสุข และผู้ป่วยติดเชื้อ ซึ่งครั้งนี้มีวัคซีน อย.เข้ามาด้วย เพื่อลดขั้นตอนต่างๆ และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด อาทิ การลงทะเบียนวัคซีน ชุดตรวจที่ประชาชนสามารถหาได้เองอย่างในยุโรป จะทำให้เร็วขึ้น เพราะในสภาวะปกติอาจไม่ทันการณ์ การโอนอำนาจไม่ใช่นายกฯ ทำงานคนเดียว ยังมีหน่วยงานอื่นๆ ร่วมทำงานเช่นเดิม” โฆษกรัฐบาล ระบุ

การระบาดของ “โควิด-19” ระลอก 3 “บิ๊กตู่” มีอำนาจเต็มในการบริหารจัดการแต่เพียงผู้เดียวอีกครั้งหนึ่ง 

ส่วนจะสามารถ “สยบ” เจ้าไวรัสร้ายตัวนี้ และทำให้คนป่วย คนตาย ไม่เพิ่มขึ้นมากกว่านี้ได้หรือไม่ ต้องรอดูกัน...

บอกได้อย่างเดียวว่า หากนายกฯ “เอาอยู่” ก็ถือเป็นผลงานที่คะแนนความนิยมจะเพิ่มขึ้น 

แต่ถ้า “เอาไม่อยู่” ก็มีโอกาสที่ “เก้าอี้นายกฯ” จะสั่นคลอนเอาได้!