เลือกตั้งบัตร 2 ใบ ‘พรรคทักษิณ’ แลนด์สไลด์!

30 มิ.ย. 2564 | 06:50 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.ค. 2564 | 10:16 น.

พรรคการเมืองขนาดใหญ่ 3 พรรคคือ "เพื่อไทย" ของ ทักษิณ ชินวิตร พลังประชารัฐ และ ประชาธิปัตย์ จะได้ประโยชน์มากที่สุด จากระบบ"เลือกตั้งบัตร 2 ใบ" 

หลังสมาชิกรัฐสภาเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 เป็นร่างที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เสนอให้แก้ไข มาตรา 83 และ มาตรา 91 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งแบบใช้บัตร 2 ใบ 

โดยเหตุผลที่เสียงส่วนใหญ่ผ่านร่างนี้คือ การให้มี บัตรเลือกตั้ง 2 ใบเพื่อให้ประชาชนมีสิทธิในการเลือกพรรคการเมือง และผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ย่อมทำให้ประชาชนได้ใช้เจตจำนงในการเลือกตั้งที่สอดคล้องกับความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น 

แต่แท้ที่จริงระบบเลือกตั้งแบบใช้บัตร 2 ใบ เอื้อประโยชน์ต่อพรรค การเมืองใหญ่ 3 พรรค มากกว่าพรรคขนาดกลาง และ พรรคขนาดเล็ก

 

บัตร 2 ใบเอื้อ 3 พรรคใหญ่

พรรคการเมืองขนาดใหญ่ 3 พรรคที่ถูกโฟกัสก็คือ พรรคเพื่อไทย (พท.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะได้ประโยชน์จากระบบเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ

ขณะที่พรรคขนาดกลางอย่าง พรรคภูมิใจไทย พรรคก้าวไกลพรรคเสรีรวมไทย และ พรรคการเมืองขนาดเล็ก ย่อมเสียประโยชน์อย่างแน่นอน

สาเหตุสำคัญที่พรรคการเมืองใหญ่มีโอกาสจะได้ ส.ส.เขต เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากจะกำหนดให้มี ส.ส.เขต 400 คน จากเดิมที่จะมี ส.ส.เขต 350 คน ส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคการเมืองใหญ่ก็มีโอกาสได้เพิ่มเช่นกัน เพราะมีสมาชิกพรรค และมีคะแนนนิยมของพรรคอยู่แล้ว

ส่วนพรรคเล็กตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ พรรคก้าวไกล โดยการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2562 แม้จะได้ ส.ส.เขตน้อย แต่ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อจำนวนมาก เพราะทุกคะแนนนำมาคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

 

บัตร 2 ใบกับชัยชนะ“ทักษิโณมิกส์”

หากย้อนดูการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2544 เป็นการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ปี 2540 และใช้การเลือกตั้งแบบใช้บัตร 2 ใบ  “พรรคเพื่อไทย” จะได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยประสบความสำเร็จกับการเลือกตั้งระบบบัตร 2 ใบมากที่สุด 

โดย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยพูดผ่านคลับเฮ้าส์ว่า “พรรคเพื่อไทย” เชี่ยวชาญที่สุดในการเลือกตั้งระบบบัตร 2 ใบ หากใช้บัตร 2 ใบ เขามั่นใจว่าจะ “แลนด์สไลด์” แถมมีกลยุทธ์การหาเสียงดีกว่าพรรคอื่น และความนิยมของพรรค ความนิยมเจ้าของพรรค ยังมีอยู่สูง 

 

ย้อนดูสถิติจากผลเลือกตั้งทั่วไปในปี 2544 ที่ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ไทยรักไทย ได้ ส.ส. 248 ที่นั่ง จาก ส.ส.เขต 200 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 48 คน และได้คะแนนรวม 11,634,495 เสียง  

“เลือกคนที่ใช่กับพรรคที่ชอบ” จึงเป็นวลีฮิตในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2544 กอปรกับช่วงนั้นคนชื่นชอบนโยบาย เชิง Political Makerting หรือ “ทักษิโณมิกส์” ส่งผลให้พรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายมาแล้วถึง 3 สมัยติดต่อกัน 

แต่เมื่อเปรียบเทียบการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2562 ใช้บัตรใบเดียวครั้งแรก ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560  พรรคเพื่อไทย ร่วงลงมาเหลือ 136 ที่นั่งจากส.ส.เขต แต่ไม่ได้ส.สบัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว คะแนนรวม 7,881,006  เสียง ต่างจากการเลือกตั้งในปี 2544 อย่างเห็นได้ชัด 

ไม่แปลกที่ เพื่อไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ หันมากลมเกลียวกันอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  

 

เลือกตั้งบัตร 2 ใบ ‘พรรคทักษิณ’ แลนด์สไลด์!

 

 

พปชร.ได้เปรียบเชิงกลไกรัฐ 

ขณะที่ พรรคพลังประชารัฐ ภายหลังชนะการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขตต่อเนื่อง 3 สนาม ไม่ว่าที่ ขอนแก่น ลำปาง และ นครศรีธรรมราช ทางพรรคมีความเชื่อมั่น การทำงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคคนใหม่ที่สามารถทำให้พรรคพลังประชารัฐคว้าชัยชนะมาทุกครั้ง 

นอกจากนี้นโยบายของโครงการรัฐ อาทิ นโยบายเยียวยาประชานิยม  โดนใจประชาชนทั้งประเทศ จะเป็นตัวช่วยเสริมที่มีประสิทธิภาพ และมีความได้เปรียบในการควบคุมกลไกรัฐ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไร้คู่แข่งในฐานะเสนอนายกฯ เว้นแต่มีคู่แข่งคนใหม่ค่อยว่ากัน 

ได้เปรียบเชิงกลไกรัฐ เป็น แชมป์เก่าคุมนักการเมืองท้องถิ่น เลือกตั้งใหญ่ พลังประชารัฐ ย่อมเป็นตัวเลือกที่ใช่มากที่สุด

 

ปชป.นโยบายจับต้องได้

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ หากใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ อาจจะพ้นจุดตํ่าเพราะจะเป็นพรรคเดียวในพรรคการ เมืองหลัก ที่ยังเป็น “สถาบันทางการเมือง” หากเกิดแรงเหวี่ยง หรือ เกิดการสั่งสอนจากประชาชน มีความเป็นไปได้สูงที่คะแนนจะไปอยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ 

“ถ้าคนเลิกเชียร์ “ลุงตู่” ก็จะไม่ไปพรรคเพื่อไทย ไม่ไปพรรคก้าวไกล ไม่ไปพรรคพลังประชารัฐ แต่จะกลับมาเลือกพรรคประชาธิปัตย์เพราะคนเชื่อว่าเป็นพรรคสถาบันไม่ใช่พรรคเก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน หรือ พรรคเฉพาะกิจ”

นอกจากนั้น พรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม ยังมีผลงานการันตีจาก นโยบายประกันรายได้ราคาสินค้าเกษตร ส่งออก ไม่แปลกหากผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยเฉพาะภาคใต้ จะหวนคืนกลับมาเทคะแนนให้อีกครั้ง เพราะนโยบายจับต้องได้ และเชื่อว่าจะทำตามที่รับปากไว้  

จากข้อมูลดังกล่าว ทั้ง 3 พรรคการเมือง เชื่อว่าได้ประโยชน์ จากบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จึงเสนอเรื่องบัตรเลือกตั้ง  2 ใบ และผลักดันเรื่องนี้เต็มที่

แต่ใครจะได้ประโยชน์มากที่สุด แล้วแต่จังหวะในการเลือกตั้ง 

“พลังประชารัฐ” ดูคะแนนนิยม “ลุงตู่” ว่าจะเป็นอย่างไร 

“ประชาธิปัตย์” จะปรับกลยุทธ์อย่างไรบ้าง 

“ทักษิณ” หรือ “Tony Wood same” จะมีไม้เด็ดออกมาอย่างไร 

ต้องลุ้นกันยาวๆ … 

 

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,692 หน้า 12 วันที่ 1 - 3 กรกฎาคม 2564

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :