ธอส.-การเคหะฯ กระตุ้นลูกบ้านเอื้ออาทรเร่งโอน

20 ต.ค. 2563 | 04:44 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ต.ค. 2563 | 11:55 น.

ธอส. จับมือ กคช. ชวนลูกค้าโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ครบกำหนด สัญญาค้ำประกัน 5ปี  เร่งโอนกรรมสิทธิ์-จดจำนอง ก่อนหมดมาตราการ

 

 

 

 

 

 

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งชาติ และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)จัดประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมความพร้อมในการให้บริการ อำนวยความสะดวก และประชาสัมพันธ์เชิญชวนลูกค้าเอื้ออาทรทั่วประเทศที่ทำสัญญากู้เงินครบ 5 ปี ในปี 2563 ให้เข้ามาติดต่อยื่นคำร้องโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองให้เรียบร้อยก่อนที่มาตรการช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนของรัฐบาลเรื่องการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองอสังหาริมทรัพย์เหลือ 0.01% จะสิ้นสุดลงในวันที่ 24 ธันวาคม 2563 

 

นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการ การเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนที่มีรายได้น้อยและปานกลาง โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์เหลือเพียง 0.01 % จากเดิม 2 % และลด

ธอส.-การเคหะฯ กระตุ้นลูกบ้านเอื้ออาทรเร่งโอน

ค่าจดทะเบียนจดจำนองอสังหาริมทรัพย์เหลือเพียง 0.01 % จากเดิม 1% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 และจะสิ้นสุดลงในวันที่ 24 ธันวาคม 2563 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งชาติ จึงขอเชิญชวนให้ลูกค้าเร่งติดต่อขอยื่นคำร้องนัดวันโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 เพื่อที่ทางธนาคารอาคารสงเคราะห์จะดำเนินการนัดวันไปโอนกรรมสิทธิ์และ   จดจำนองให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 เนื่องจากต้องมีการเตรียมการล่วงหน้าก่อนที่จะหมดระยะเวลาตามมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล ซึ่งลูกค้าที่ต้องการโอนกรรมสิทธิ์จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้ ทำสัญญาซื้อบ้านหรือห้องชุดกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยการเคหะแห่งชาติเป็นผู้ค้ำประกันครบ 5 ปี รวมทั้งไม่มีหนี้ค้างชำระกับธนาคาร และคู่สมรสสามารถมาเซ็นยินยอมได้ในวันโอนกรรมสิทธิ์

 

 

ธอส.-การเคหะฯ กระตุ้นลูกบ้านเอื้ออาทรเร่งโอน

 

 

อยากให้ลูกค้ารีบมาเร่งโอนกรรมสิทธิ์ เพราะใกล้จะสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือการลดค่าธรรมเนียม จดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดทะเบียนจดจำนองอสังหาริมทรัพย์เหลือเพียง 0.01 % ในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2563 ซึ่งมาตรการนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัวได้ ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID - 19 ลูกค้าจึงควรเร่งเข้ามาติดต่อ หลีกเลี่ยงการเดินทางไปโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองพร้อมกันจำนวนมากในช่วงท้ายมาตรการ เพื่อให้เป็นไปตามหลัก Social Distancing”

 

นอกจากนี้ยังมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลจากการเคหะแห่งชาติมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท โดยกำหนดจับสลากด้วยการสุ่มรายชื่อผู้โชคดีจากคอมพิวเตอร์ (Random) 2 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 จับสลากในวันที่ 21 ตุลาคม 2563 สำหรับลูกค้าที่มีการโอนแล้วตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2562 - 30 กันยายน 2563 (ประกาศรายชื่อในวันที่ 26 ตุลาคม 2563) และครั้งที่ 2 จับสลากในเดือนมกราคม 2564 ซึ่งจะมีการประกาศให้ทราบอีกครั้งในภายหลัง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานการเคหะแห่งชาติทั่วประเทศ หรือ Call Center 1615

ธอส.-การเคหะฯ กระตุ้นลูกบ้านเอื้ออาทรเร่งโอน

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. ในฐานะผู้รับจำนอง ได้ให้ความร่วมมือกับการเคหะแห่งชาติในฐานะผู้โอนกรรมสิทธิ์โครงการบ้านเอื้ออาทรอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเอื้ออาทรทั่วประเทศที่ทำสัญญากู้เงินครบ 5 ปี ในปี 2563 และปฏิบัติตามเงื่อนไข และขั้นตอนของโครงการเรียบร้อยแล้ว มาดำเนินการรับโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองมาแล้วอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในขณะนี้ถือเป็นช่วงสุดท้ายก่อนที่มาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดลง ดังนั้น จึงขอเชิญชวนให้ลูกค้าที่ทำสัญญาเงินกู้ครบ 5 ปี ในปี 2563 และไม่อยากพลาดประโยชน์ในการลดภาระค่าใช้จ่ายในค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองของรัฐบาลจากเดิม ที่ต้องชำระรวมกันเป็นจำนวนประมาณ 12,000 บาท ลดเหลือเพียง 80 บาทเท่านั้น ขอให้ติดต่อกับการเคหะแห่งชาติภายในเวลาที่กำหนด

 

 

 

ทั้งนี้ ลูกค้าโครงการบ้านเอื้ออาทรในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เมื่อติดต่อสำนักงานสาขาของการเคหะแห่งชาติในพื้นที่โครงการเพื่อนัดหมาย และหากผ่านการตรวจสอบข้อมูลพร้อมได้รับการยืนยันวันที่ต้องการนัดหมายเรียบร้อยแล้ว ลูกค้าสามารถเดินทางไปโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนอง ณ สำนักงานที่ดินได้ทันที โดยไม่ต้องเดินทางมาทำธุรกรรมที่ธนาคารก่อนได้อีกด้วย และหลังจากนี้ ธอส. จะเพิ่มการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าโครงการบ้านเอื้ออาทรได้รับทราบเพื่อไม่ให้พลาดสิทธิ์ตามมาตรการของรัฐบาลผ่านช่องทางการสื่อสารของธนาคารต่อไป