บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) คือผู้ประกอบการทางด้านอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่มุ่งพัฒนาบ้านที่มีโซลาร์เซลล์ให้กับบ้านทุกหลัง และคอนโดมิเนียมทุกโครงการ โดยมองเห็นว่าการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายที่ต้องแลกไปเพื่อความสะดวกสบายของเรานั่นเองหากมองในมุมมองของผู้บริโภค เรื่องของพลังงานไฟฟ้าเป็นราคาที่เราต้องจ่าย คงจะดีกว่าหากในอนาคตครัวเรือนสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เอง และนำส่วนที่เหลือมาขายกลับเป็นรายได้ ด้วยการใช้แผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าทางเลือก
นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเผยว่า เสนาเตรียมผลักดันลูกบ้านเข้าร่วมโซลาร์ภาคประชาชนครั้งนี้ รวมทั้งสิ้น 7 โครงการ ประกอบด้วย 1.เสนาพาร์ค วิลล์ รามอินทรา ,2. เสนา วิลล์ ศาลายา ,3. เสนา วิลล์ ลำลูกกา-คลอง 6 ,4. เสนา วีว่า เพชรเกษม - พุทธมณฑล สาย 7 ,5.เสนา เวล่า เทพารักษ์ - บางบ่อ ,6.เสนา แกรนด์ โฮม รังสิต-ติวานนท์ และ 7.เสนา ช็อปเฮ้าส์ ลำลูกกา คลอง 2 จำนวนรวม 237 หลัง
โดยเมื่อปีที่ผ่านมา เสนาได้มีการติดตั้งโซลาร์ กลุ่มโปรดักส์ ทาวน์โฮม เป็นรายแรกที่โครงการเสนา วิลล์ ลำลูกกา - คลอง 6 ขนาด 1.28 กิโลวัตต์ ขายในราคาเพียง 2 ล้านกว่าบาทเท่านั้น อย่างไรก็ตามในปี 2564 เสนายังคงนโยบายติดตั้งโซลาร์ให้กับทุกโปรดักส์ นอกจากเสนาจะสร้างจุดขายให้สินค้าแตกต่างจากคู่แข่งแล้ว ยังช่วยดูแลโลกให้น่าอยู่ ช่วยให้ลูกบ้านในโครงการของเสนาได้ประโยชน์และได้ประหยัดค่าไฟอีกทางหนึ่งด้วย
“ปัจจุบันเสนาติดตั้งโซลาร์ในทุกโครงการหมู่บ้านและคอนโดมิเนียมแล้ว รวม 500 หลังคาเรือน มากกว่า 1,700 กิโลวัตต์ และรวมกับธุรกิจโซลาร์อื่นๆ ห้างสรรพสินค้า เช่น Index, HomePro , 7 - 11 และอาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เบ็ดเสร็จอีก 70-80 เมกะวัตต์ โดยในปีนี้มีแผนเชิงรุกที่จะรับติดตั้งโซลาร์ให้ในกลุ่มรีเทลต่าง ๆ ด้วย”
ทั้งนี้ ล่าสุดรัฐบาลได้มีนโยบายรับซื้อโซลาร์ภาคประชาชนจาก 1.68 บาทต่อหน่วย ปรับราคารับซื้อเพิ่มเป็น 2.20 บาท เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยที่มีโซลาร์มากขึ้น และแสดงให้เห็นว่าภาครัฐเริ่มสนใจและหันมาสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน
นางเกษรา กล่าวอีกว่า จากเมื่อก่อนหมู่บ้านของเสนาที่ติดตั้งโซลาร์โดยทั่วไปจะฝ่ายที่ใช้บริการ หรือ Consumer เพียงอย่างเดียว แต่ด้วยเทรนด์ของโลกธุรกิจที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังจากที่ภาครัฐเปิดรับซื้อและขายไฟฟ้าได้ ทำให้ปัจจุบันผู้บริโภคกลายเป็นผู้ผลิต หรือ Prosumer เรียกได้ว่าบทบาทของผู้บริโภคในวันนี้เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง
คือเป็นทั้งผู้ซื้อและผู้ขายได้ในคนเดียวกัน โดยเฉพาะตลาดพลังงาน ที่มีการใช้พลังงานทางเลือกอย่างการผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้เองในครัวเรือนด้วยแผงโซลาร์เซลล์นับวันยิ่งมีราคาที่ถูกลง บวกกับกระแสของการประหยัดพลังงาน ทำให้เกิดพฤติกรรมการใช้พลังงานทางเลือกนี้อย่างแพร่หลายมากขึ้น ที่สำคัญส่วนต่างของพลังงานที่เหลือยังเป็นโอกาสการสร้างรายได้ด้วยการขายคืนเข้าระบบไฟฟ้าหลัก หรือซื้อขายระหว่างเพื่อนบ้านด้วยกันเองได้
“เสนามั่นใจและกล้าที่จะใส่โซลาร์ไว้ในสมการบ้านทุกหลัง และคอนโดมิเนียมทุกโครงการ เพราะมองเห็นความคุ้มค่าและประโยชน์ที่ลูกบ้านจะได้รับ ยิ่งช่วงกระแสโควิด – 19 (Covid-19)ป่วน หยุดกิจกรรมนอกบ้าน กลับมาใช้ชีวิตอยู่กับบ้านมากขึ้น รวมถึงหลายบริษัท หรือหลายอาชีพปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานหันมาใช้มาตรการ Work From Home ทำให้ต้องใช้ไฟฟ้าที่บ้านทั้งวันทั้งคืนเป็นหลักและปัญหาที่ตามมาพบว่าค่าไฟฟ้าดีดตัวเพิ่มคนอยู่บ้านทุกวันคงเข้าใจดีและเห็นได้ชัด ดังนั้นการที่รัฐบาลพยายามทำให้ผู้พัฒนาสามารถนำมาใช้ได้เป็นสิ่งที่จะทำให้คนเข้าถึงนโยบายของรัฐบาลได้ดีมากขึ้น”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :