เช็กด่วน! บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รับสิทธิเยียวยารอบใหม่ คลังเปิด 3 ทางเลือก

02 มิ.ย. 2564 | 02:29 น.
อัปเดตล่าสุด :07 มิ.ย. 2564 | 01:51 น.

"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" เช็กรับสิทธิ์เยียวยารอบใหม่ คลังเปิดทางเปลี่ยนแปลงรับสิทธิได้ เลือกรับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม 200 บาทนาน 6 เดือน 'คนละครึ่ง' หรือ 'ยิ่งใช้ยิ่งได้' ย้ำเลือกได้เพียงสิทธิเดียว  หากสละสิทธิเป็นผู้มีบัตรฯ ต้องนำบัตรมาคืนที่กรมบัญชีกลางภายใน 7 มิ.ย.นี้

 

มติคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 รัฐบาลได้อนุมัติ 4 มาตรการเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของ COVID-19 เพิ่มเติม  โดย1 ใน 4 มาตรการ คือ "มาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ( ระยะที่ 3 ) โดยช่วยเหลือค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น(ร้านธงฟ้าฯ)และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งระยะที่3 จำนวน 200 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือรวมรายละ 1,200 บาทตลอดระยะเวลาโครงการ ครอบคลุมกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประมาณ13.65 ล้านคน ใช้วงเงินรวม 16,380.19 ล้านบาท  

โดยคาดว่าจะเริ่มใช้จ่ายได้เร็วที่สุดในวันที่ 1 กรกฎาคม จนถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2564 อย่างไรก็ดีขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งอาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลงระยะเวลาการดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยหากมีการเปลี่ยนแปลงวันเริ่มใช้จ่าย กระทรวงการคลังจะแจ้งให้ทราบต่อไป 

เปิดทางเปลี่ยนแปลงรับสิทธิได้ ย้ำเลือกเพียง 1 สิทธิ์

อย่างไรก็ดีมาตรการเยียวยารอบใหม่ในครั้งนี้ ภาครัฐยังได้เปิดให้ประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงการรับสิทธิ์ได้ แต่ต้องเลือกเพียงสิทธิ์เดียว กล่าวคือ กรณี ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หากประสงค์จะรับสิทธิโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 แทน ( รับสิทธิ์วงเงิน 3,000 บาทต่อคน หรือใช้จ่ายไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน  โดยโอนเงินให้ 2 รอบๆ ละ 1,500 บาท  ก.ค. - ก.ย.  และ ต.ค. - ธ.ค )

หรือเลือกรับสิทธิ์ 'โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้' ( ได้รับวงเงินสนับสนุนในรูปของ e-Voucher  โดยวงเงินใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher สูงสุดไม่เกิน 60,000 บาทต่อคน และยอดใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิต่อวันต้องไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน โดยจะได้รับสิทธิ e-Voucher สะสมสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคนตลอดระยะเวลาโครงการ  สิทธิ e-Voucher จะได้รับคืนเป็นวงเงินใน g-Wallet ไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้)

ทั้งนี้หากผู้ถือบัตรฯ เปลี่ยนแปลงสิทธิ์ จะต้องสละสิทธิการเป็นผู้มีบัตรฯ โดยนำบัตรฯ มาคืนที่กรมบัญชีกลางหรือสำนักงานคลังจังหวัด ภายในวันที่ 7 มิถุนายน 2564 และจะต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ'คนละครึ่ง ระยะที่3 '  โดยเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่ 14 มิถุนายน 2564  หรือกรณีเลือกรับสิทธิ์โครงการ 'ยิ่งใช้ยิ่งได้ ' เปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่ 21 มิถุนายน 2564 ในเวลา 06.00 น. – 22.00 น.  

เช็กด่วน! บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รับสิทธิเยียวยารอบใหม่ คลังเปิด 3 ทางเลือก

คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งระยะ 3 หรือ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ 

- สัญชาติไทย มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีบัตรประจำตัวประชาชน 
- ประชาชนที่เคยใช้จ่ายผ่านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g-Wallet) แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แล้ว สามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” หรือเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง .com หรือ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com ตามต้องการ
- ประชาชนที่ไม่เคยใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ของโครงการที่ต้องการเข้าร่วม 

หลังการได้รับสิทธิโครงการ'คนละครึ่งระยะที่ 3 'หรือ โครงการ 'ยิ่งใช้ยิ่งได้' จะต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนที่สาขาหรือตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) ยกเว้นผู้ที่เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนกับธนาคารกรุงไทยฯ หรือผู้ที่มีแอปพลิเคชัน KrungthaiNext และเมื่อยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว จึงจะสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมแต่ละโครงการได้ในเบื้องต้นตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ในเวลา 06.00 น. – 23.00 น. 

ส่วนของโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ประชาชนสามารถใช้จ่ายเงินเพื่อนำมาคำนวณสิทธิได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 และใช้ e-Voucher ได้ในช่วงเดือนสิงหาคม จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564
 
ด้านนางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังคาดว่ามาตรการทั้ง 4 โครงการดังกล่าว ครอบคลุมประชาชน 51 ล้านคนจะช่วยรักษากำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ จากการเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จำนวน 473,000 ล้านบาท อีกทั้งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่พี่น้องประชาชน เพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการรายย่อยและผู้ผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งรักษาระดับและทิศทางของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพื่อให้เป็นไปได้อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2564