15 มิ.ย. 64 ความคืบหน้าการลงทะเบียนรับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 หรือ “คนละครึ่งเฟส 3” ของประชาชน ที่เปิดให้ลงทะเบียนเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2564 เป็นวันแรก ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com
“ฐานเศรษฐกิจ”ได้ตรวจสอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข สำหรับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ที่แจ้งไว้ใน www.คนละครึ่ง.com แบบละเอียดสามารถเช็คสิทธิได้ที่นี่
ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่าน 2 ช่องทาง
1. กรณีเป็นประชาชนที่เคยเข้าร่วมมาตรการ/โครงการของรัฐที่มีแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” หรือ ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564
2. ประชาชนนอกที่ยังไม่เคยได้สิทธิหรือโครงการคนละครึ่งหรือโครงการอื่นๆของรัฐ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564
ระยะเวลาดำเนินโครงการฯ
ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564
คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ
1. เป็นผู้มีสัญชาติไทย
2. มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันลงทะเบียน
3. มีหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และมีบัตรประจำตัวประชาชน
4. ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามฐานข้อมูลของกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 7 มิถุนายน 2564 หรือไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ หรือไม่เป็นผู้ใช้สิทธิโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
5. ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ
6. ไม่เป็นผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ หรือฝ่าฝืนมาตรการใด ๆ ของรัฐเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
7. ในกรณีที่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้แล้วประสงค์จะเปลี่ยนแปลงการใช้สิทธิมาใช้โครงการ คนละครึ่ง ระยะที่ 3 จะต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ภายในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เท่านั้น โดยสามารถเปลี่ยนแปลงสิทธิโครงการได้ 1 ครั้งและจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงการได้อีก
8. ในกรณีที่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษแล้วประสงค์จะเปลี่ยนแปลงการใช้สิทธิมาใช้โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 จะต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ภายในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เท่านั้น โดยสามารถเปลี่ยนแปลงสิทธิโครงการได้ 1 ครั้งและจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงการได้อีก
ต้องยืนยันตัวตนก่อนการใช้สิทธิครั้งแรก
ผู้ได้รับสิทธิตามโครงการฯ จะต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชน ที่สาขาหรือตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทยฯ ยกเว้นผู้ที่เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนกับธนาคารกรุงไทยฯ หรือผู้ที่มีแอปพลิเคชัน “KrungthaiNext” ซึ่งผ่านการยืนยันตัวตนกับธนาคารกรุงไทยฯ แล้ว
เงื่อนไขการใช้สิทธิ์เงิน 3,000 บาท
รัฐจะสนับสนุนวงเงินร่วมจ่ายแก่ประชาชนในการซื้ออาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป และบริการ กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ เป็นจำนวนร้อยละ 50 ของราคาสินค้าและ/หรือบริการดังกล่าว ทั้งนี้ รัฐจะชำระเงินให้แก่ผู้ประกอบการโดยตรง ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้
1. ประชาชนต้องชำระเงินค่าสินค้าและ/หรือบริการผ่านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g- Wallet) บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ให้แก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งรับชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”
2. ต้องมีการซื้อ-ขายสินค้าและ/หรือบริการกันจริง
3. การซื้อ-ขายสินค้าและ/หรือบริการ ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องมีการทำธุรกรรมซื้อขายและสแกน QR Code เพื่อชำระค่าสินค้าและ/หรือบริการกันแบบพบหน้า (face-to-face) และไม่มีกระบวนการใด ๆ ในการซื้อขายที่ดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ หรือผ่านคนกลาง ไม่ว่าด้วยวิธีการใด และไม่ให้ทำซ้ำ ส่งต่อ หรือวิธีการอื่นใดกับ QR Code ในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” เพื่อหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมแบบพบหน้าดังกล่าว
4. จำนวนเงินที่รัฐสนับสนุนวงเงินร่วมจ่ายให้ต่อหนึ่งหมายเลขประจำตัวประชาชนจะไม่เกินกว่า 150 บาทต่อวัน โดยไม่เกิน 1,500 บาทต่อคน ในแต่ละรอบ รอบละ 3 เดือน และไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการฯทั้งนี้ สามารถสะสมมูลค่าคงเหลือ ณ สิ้นเดือนสุดท้ายของช่วงสามเดือนแรกไปใช้ต่อ จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2564 ได้ โดยสามารถตรวจสอบระยะเวลาการใช้จ่ายตามที่กระทรวงการคลังกำหนดได้ที่ www.คนละครึ่ง.com
5. ค่าสินค้าและ/หรือบริการที่ใช้จ่ายไม่ได้
7. แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” จะสามารถใช้งานได้ระหว่างเวลา 06.00 – 23.00 น. ของทุกวัน
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังย้ำว่า ผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 3 จะได้รับ SMS ระบุข้อความ “ลงทะเบียนสำเร็จ จากนั้นขอให้ยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชน (Dipchip) กับธนาคารกรุงไทย จำกัด มหาชน (ธนาคารกรุงไทยฯ) ผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ได้แก่
1. นำบัตรประจำตัวประชาชนไปยืนยันตัวตนที่สาขา หรือที่ตู้เอทีเอ็มสีเทาของธนาคารกรุงไทยฯ
2. ยืนยันตัวตนผ่านตัวเลือก KrungthaiNext ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตังเริ่มวันที่ 1 ก.ค. 64”
หากที่ผ่านมาได้เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนไว้แล้วก็ไม่ต้องยืนยันตัวตนในขั้นตอนข้างต้นอีก เมื่อได้ยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้วจึงจะสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการได้ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ในเวลา 6.00 น. - 23.00 น.
ที่มา: www.คนละครึ่ง.com