25 มีนาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษเรื่องด่วนญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเป็นวันที่สอง นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายกล่าวหานายกรัฐมนตรีว่า บริหารเศรษฐกิจประเทศล้มเหลว ปล่อยปละละเลย ไม่ควบคุมและบังคับใช้กฎหมายทำให้เกิดทุนเทาที่ทำลายเศรษฐกิจไทย 3 ด้านด้วยกัน คือ ทำลายงานคนไทย ทำลายอุตสาหกรรม และทำลายธุรกิจชุมชน ทำให้ประเทศไทยเป็นดินแดนศูนย์เหรียญ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเตือนมาตลอด
วันนี้หมดเวลาเตือน นายกฯต้องหยุดทำให้ประเทศเสียหายที่สำคัญ เงินกำลังหมุนออกนอกประเทศ เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวงมีนายกฯเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้
กรณีการแย่งงานคนไทย นายกฯระบุว่า จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเพื่อเพิ่มการจ้างงานเพิ่มค่าแรง วันนี้ความจริง คือ คนไทยถูกแย่งงาน รง.จีนเกลื่อน จากการตรวจสอบสำนักงานอีอีซี พบว่า อนุญาตแรงงานต่างชาติ สามกลุ่ม คือ ทักษะสูง ผู้บริหาร และผู้ชำนาญการ ในทักษะที่แรงงานไทยไม่มี
ขณะที่ในส่วนของบีโอไอระบุว่า สัดส่วนผู้ชำนาญการใช้สิทธิเพียง 3.5 % ขณะที่กระทรวงแรงงานระบุว่า มีแรงงานจีนในพื้นที่อีอีซีเพียงสามพันคน ขณะที่พบแรงงานจีนผิดกฎหมายเพียงสองคน อย่างไรก็ดี จากการลงพื้นที่พบตัวเลขดังกล่าวนี้ พบว่าตัวเลขคลาดเคลื่อนกับความเป็นจริงมาก เช่น ต.บ่อวิน จ.ชลบุรี 10 ตึก รวมกว่า 2,000 ห้อง มีคนจีนอาศัย 7 พันคน เป็นต้น
อีกโครงการอยู่ตำบลมาบยางพร สร้างเสร็จเร็วมากจากที่ปลูกมันสำปะหลังล่าสุดสร้างเสร็จแล้วมีกว่า 400 ห้อง รวม 4 โครงการมีแรงงานเข้าพักแล้ว 23,973 คนคำถามคือ คนจีนเข้ามาได้อย่างไร นี่คือ โอกาสแรงงานไทยที่หายไป
ดังนั้น การลงทุนจะช่วยเพิ่มค่าจ้างให้คนไทยจึงไม่จริง คนเหล่านี้เข้ามาแย่งงานคนไทยที่กฎหมายห้ามทั้งสิ้น เช่น กรรมการ ก่อสร้าง ขับรถ และเร่ขายสินค้า เป็นต้น เหล่านี้เป็นแรงงานธรรมดาที่กำลังแย่งงานคนไทย
สาเหตุ คือ การให้วีซ่าฟรี ที่ปล่อยปละละเลยเกิด วีซ่ารัน หรือ เวียนเทียนวีซ่า ส่งผลให้แรงงานจีนแย่งงานคนไทย จากข้อมูล กมธ.เศรษฐกิจฯ พบว่ามีประมาณ 20,000-30,000 คน ปัญหาคือ ออกมาตรการแล้วไม่ไปกำกับดูแล
นอกจากนี้วันนี้ทุนจีนได้รุกหนัก กินรวบ กินทุกอุตสาหกรรมไทยที่จ้างแต่คนจีนไม่จ้างคนไทย วันนี้เจอโรงงานศูนย์เหรียญที่อุปกรณ์ขนมาเองแล้วเอามาประกอบในไทยทั้งหมด ปัจจุบันลุกไปอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น อสังหาฯศูนย์เหรียญที่ขนอุปกรณ์มาเองทั้งหมด บ้านราคาหนึ่งล้านบาท เศรษฐกิจไทยได้แสนเดียว ทำบ้านหลังหนึ่งที่ซื้อจากไทยอย่างเดียว คือ ปูน
จากข้อมูลพบว่าปี มีการจัดตั้งบริษัทใหม่ ปีนี้เพิ่งผ่านมาสองเดือนเท่ากับปี 65 ทั้งปี 66 ขณะที่ตัวเลขเหล็กนำเข้าจากจีนปี 2567 ไทยนำเข้าเหล็กโครงสร้างจากจีนเพิ่มขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 63 ขณะที่โรงเหล็กของไทยปี 67 ปิดตัวไป 38 โรง วันนี้เกิดการกินรวบไปห่วงโซ่อุตฯ อื่น ๆ แล้ว เช่น ร้านอาหารศูนย์เหรียญที่ขนมาทั้งซัพพลายเชนส์
ไม่นับรวมถ้าใช้แรงงานต่างชาติด้วยประโยชน์ตกกับไทยหรือไม่ซึ่งร้านเหล่านี้ก็เปิดขึ้นมาเป็นคู่แข่งกับร้านในชุมชน ไม่นับรวมกับกรณีที่ให้คนต่างชาติครอบครองที่ดินในไทยได้โดยทุนเทาจากจีนมีนอมินี อีกรูปแบบคือ ครอบครองที่ดินผ่านมูลนิธิที่เปลี่ยนจากคนไทยเป็นคนจีนได้ที่ดินไปโดยไม่ต้องเสียภาษี ล่าสุดบุกรุกป่าทำสวนเพื่อปลูกทุเรียน
ขณะที่คนไทยมีข้อพิพาทกับรัฐเรื่องกรรมสิทธิ์ เรื่องที่ทำกิน มีการร้องเรียนจากประชาชนถึง กมธ.ที่ดินฯ รวม 52 จังหวัด ในทุกภาคยังมีปัญหาเรื่องที่อยู่ที่ทำกิน มากที่สุดคือ ภาคใต้ และ ภาคเหนือนอกจากนี้กรณีการปล่อยเช่าคอนโดให้กับคนจีนได้ทำลายศก.เสียหายกว่าหมื่นล้านบาท โดยใช้นอมินีในการซื้อคอนโดปล่อยให้คนจีนเช่า เป็นต้น ยิ่งมีวีซ่าฟรียิ่งมีปัญหาเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้กำลังทำลายเศรษฐกิจชุมชน ตัวอย่าง ที่ถนนฝายตาจุ้ย ระยะ 800 เมตร มีร้านจีนล้อมร้านไทยไว้หมดแล้ว เมื่อเจาะลึงผลิตภัณฑ์สินค้าในร้านเหล่านี้ก็พบว่าไม่มีอย. ไม่ผ่าน มอก.แต่อย่างใด ที่น่าสนใจธุรกิจเหล่านี้จ่ายเงินแบบไม่ผ่านธนาคารของไทยจ่ายปุ๊บโอนไปบัญชีที่จีนเลย
นี่เป็นความรับผิดชอบของนายกฯ เป็นหน้าที่ของนายกฯ ภายใต้การบริหารงานของนายกฯ ประเทศเสียหายรุนแรงเอาแค่อุตฯที่พูด ศก.ไทยสูญเสียกว่า 3 แสนล้านบาท ไม่รวมต้นทุนคนไทยผลกระทบจากทุนเทาที่กัดกินไม่ต่ำว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี ดังนั้น หากยังให้บริหารประเทศต่อไปจะทำให้ประเทศเสียหายกว่าล้านล้านบาท
นี่คือ ปัญหาวาระแห่งชาติเกี่ยวข้องกับทุกฝ่าย นายกฯปล่อยปละละเลย ลอยตัวเหนือปัญหา ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศศูนย์เหรียญ ธุรกิจสูญสิ้น ชุมชนศูนย์สลาย วันนี้หมดเวลาเตือนแล้วหากยังให้นายกฯ บริหารต่อไปประเทศจะเสียหายจึงไม่ไว้วางใจที่จะให้บริหารประเทศต่อไปได้