ดร. แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมกิจการองค์กรและความยั่งยืน ของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัล Seafood Champion ในฐานะที่มีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการพัฒนาความยั่งยืนของอาหาร และการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกทั้งอุตสาหกรรม ที่งานประชุมด้านอาหาร SeaWeb รางวัลนี้ได้รับการยอมรับในฐานะการเป็นบุคคล หรือองค์กรที่แสดงความเป็นผู้นำที่โดดเด่นในการส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของอาหารทะเล และนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมทางอุตสาหกรรรมและการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ รางวัลนี้ยังนำเสนอในประเภทของความเป็นผู้นำ การมีนวัตกรรม และการอุทิศตน
รางวัล Seafood Champion ถูกนำเสนอที่งานประชุมด้านอาหารทะเล SeaWeb ซึ่งมีตัวแทนจากอุตสาหกรรมอาหารทะเลจากทั่วโลกมาร่วมกันแบ่งปันความรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และหาหนทางร่วมกันในการแก้ปัญหาเพื่อไปถึงเป้าหมายรวมกัน นั่นคือการสร้างความยั่งยืนของอาหารทะเลที่มากขึ้นในอนาคต
ในระหว่างการเสวนาเรื่องการต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ดร. แดเรี่ยน กล่าวว่า มีการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกเกิดขึ้นมากมายในอุตสาหกรรม แต่ภาคธุรกิจเรียกร้องให้ภาครัฐ และภาคประชาสังคมทำงานร่วมกันเพื่อให้พวกเขาสามารถบรรลุเรื่องความโปร่งใส และเพื่อให้อาหารทะเลมีความยั่งยืนมากขึ้น นอกจากนี้ ดร. แดเรี่ยน กล่าวต่อว่า เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนในห่วงโซ่อุปทานของอาหารทะเล หากปราศจากความโปร่งใส ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของการปฏิรูปอุตสาหกรรม
นายยอร์ก ไอร์เล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินกลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยน กล่าวในงานประชุมว่า จากมุมมองของภาคธุรกิจ ความยั่งยืนเป็นหลักสำคัญของการดำเนินงานเพื่อให้บริษัทประสบความสำเร็จ ธุรกิจที่มุ่งเน้นความสำคัญของความยั่งยืนจะสร้างมูลค่าทางการตลาดได้มากกว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
ความโปร่งใสและความยั่งยืนไม่จำเป็นต้องคืนผลตอบแทนทางการเงินกลับมาสำหรับธุรกิจ แต่มีสิ่งอื่นที่สำคัญตอบแทนกลับมาอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือการช่วยเหลือสังคม การมีส่วนร่วมของพนักงาน และการปกป้องสิทธิมนุษยชน
ในระหว่างการประชุมด้านอาหารทะเล SeaWeb ผู้เข้าร่วมประชุมได้มาเยี่ยมชมศูนย์นวัตกรรมไทยยูเนี่ยน ซึ่งมีนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยกว่า 160 คน ในสาขาด้านเทคโนโลยีชีวภาพทางทะเล วิศวกรรม ชีวการแพทย์ ศาสตร์ทางด้านอาหารและโภชนาการที่เชื่อมโยงวิทยาการโภชนาการสมัยใหม่เข้ากับนวัตกรรมการผลิต เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและอุตสาหกรรมอาหารโลก
โดยในวันศุกร์นี้ ผู้เข้าร่วมประชุมจะไปเยี่ยมชมโรงงานไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ ในจังหวัดสมุทรสาคร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด เริ่มผลิตและส่งออกอาหารกุ้ง อาหารปลาน้ำจืด อาหารปลาทะเล และอาหารประเภทอัดเม็ด ตั้งแต่ปี 2543 และเมื่อเร็วๆ นี้ ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ มีบทบาทสำคัญในความร่วมมือระหว่างไทยยูเนี่ยน และบริษัท คาลิสตา ผู้ผลิตอาหารสัตว์โปรตีนทางเลือกชั้นนำไปยังฟาร์มกุ้ง ด้วย "ฟีดไคนด์ โปรตีน" อาหารสัตว์ที่บริษัทคาลิสตาได้คิดค้นขึ้นเพื่อตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ และความสมบูรณ์ของห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้ ฟีดไคนด์จะทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยคำนึงถึงทรัพยากรของโลกมากขึ้น แทนที่จะใช้อาหารโปรตีนเลี้ยงกุ้งที่ทำจากปลาที่โดนจับมาเพื่อทำอาหารกุ้งโดยเฉพาะ
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป มียอดขายต่อปีมากกว่า 133.3 แสนล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 47,000 คน โดยมีแบรนด์ที่วางจำหน่ายทั่วโลก ประกอบด้วย Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่ ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF)
ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2561 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่ห้าติดต่อกัน โดยได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 1 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index และได้รับอีกหลากหลายรางวัลสำหรับการเป็นผู้นำในการทำงานด้านความยั่งยืน