วันสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี องค์การสหประชาชาติ ในการส่งเสริมการสร้างความตระหนักรู้และการดำเนินการเพื่อสิ่งแวดล้อมทั่วโลก นายอังเดร คาวาลาโร ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มตลาดนานาชาติฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าวว่า ฟอร์ดมีแนวทางการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืน โดยพยายามลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด ในกระบวนการผลิตของฟอร์ด
โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอร์ริ่ง (เอฟทีเอ็ม) และ โรงงานออโต้ อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) ได้ใช้กระบวนการและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในหลายๆ เรื่อง อาทิลดการใช้น้ำต่อการผลิตรถยนต์หนึ่งคันลงได้ถึง 72% โดยการตั้งเป้าระยะยาว ในการลดการใช้น้ำประปาในกระบวนการผลิตให้เหลือศูนย์
นอกจากนี้ ยังจำกัดปริมาณสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOC) และการปล่อยสารเคมีจากห้องพ่นสี ฟอร์ดสามารถบรรลุเป้าหมาย 25.1 กรัมต่อตารางเมตรในไตรมาสแรกของปี 2564
ตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา โรงงานเอฟทีเอ็มได้ยกเลิกการกำจัดขยะด้วยวิธีฝังกลบ โดยจะทำการคัดแยกขยะทุกประเภทภายในโรงงาน ไม่ว่าจะเป็นขยะที่เกิดจากโลหะ บรรจุภัณฑ์ วัสดุที่เหลือทิ้งจากกระบวนการผลิต แท่นรองรับบรรจุภัณฑ์ชนิดทำจากไม้ ขยะทั่วไปและขยะอันตราย เพื่อส่งไปรีไซเคิล และส่งต่อไปยังกลุ่มธุรกิจอื่นเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิง
นอกจากความสำเร็จของโรงงาน เอฟทีเอ็ม ในการใช้น้ำต่อการผลิตรถยนต์หนึ่งคันที่ลดลงถึง 44% แล้ว ยังลดขยะอันตรายลงกว่า 40% ลดปริมาณขยะทั่วไปต่อการผลิตรถหนึ่งคันลง 14% ลดปริมาณสารระเหยที่ปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศลง 28% และการใช้พลังงานต่อการผลิตรถหนึ่งคันในอัตราที่ดีขึ้นถึง 21%
โรงงานเอเอที ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณ 20 กิโลเมตร มีการลงทุนขนาดใหญ่ด้านพลังงานแสงอาทิตย์ (ระบบแผงโซลาร์เซลล์ 11,000 แผง ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 5 เมกะวัตต์) ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงาน ซึ่งจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 1 ใน 4 ( 28%) ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในแต่ละวัน ซึ่งช่วยเสริมการผลิตที่ AAT ให้เป็นไปอย่างยั่งยืน
ฟอร์ดมุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และคาดว่าจะขยายขอบเขตการใช้แหล่งพลังงานทางเลือก เช่นพลังงานแสงอาทิตย์ และแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในการรีไซเคิลน้ำจากกระบวนการผลิตในแต่ละวันอย่างต่อเนื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง