นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า รัฐบาลพยายามผลักดันให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ไทยแลนด์ดิจิทัล ซึ่งก่อนหน้านี้มองว่าน่าจะต้องใช้เวลาพอสมควร แต่เมื่อทั่วโลกเกิดผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลทำให้ประชาชนมีการปรับตัวที่ดีในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งการปรับรูปแบบการทำงานที่บ้าน การค้าขายออนไลน์ หรือแม้แต่การใช้แอปพลิเคชันการสแกน QR Code เพื่อจับจ่ายใช้สอยทำธุรกรรมในโครงการต่าง ๆ ของรัฐ
กระทรวงดิจิทัลฯ ได้เร่งผลักดันปรับรูปแบบการให้บริการในลักษณะของ National Single Window (NSW) เป็นระบบกลางเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ การแชร์ข้อมูลหลังบ้านระหว่างหน่วยงานของรัฐบาลด้วยกัน โดยเฉพาะเวลาที่ต้องไปติดต่อหน่วยงานราชการจะต้องถ่ายเอกสาร สำเนาบัตรประชาชน หรือเอกสารอื่น ๆ อย่างน้อย 5-6 ชุด เพื่อประกอบการการยื่นเรื่องในแต่ละหน่วยงาน ซึ่งนอกจากจะต้องเตรียมเอกสารมากมายแล้ว ยังทำให้ระบบการถ่ายโอนข้อมูลเกิดความล่าช้า หากทุกกระทรวง ทบวงกรม ใช้การแชร์ข้อมูลในการยื่นเอกสารหรือขอใบอนุญาตต่าง ๆ ที่ใช้แบบฟอร์มเดียวกันจะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ ลดเอกสาร ป้องกันการทุจริตลงได้
ทั้งนี้การขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ หรือทำธุรกรรมทางกระทรวงต่าง ๆ ก็จะต้องใช้สำเนาเอกสารที่เหมือนกัน ควรที่ทุกกระทรวงต้องปรับระบบหลังบ้านทำให้เชื่อมต่อข้อมูลที่ประชาชนใช้ติดต่อภาครัฐมารวมไว้ในที่เดียว เพราะทุกวันนี้ทุกอย่างเป็นดิจิทัลหมดแล้ว และความโปร่งใสก็จะเกิดขึ้น ตรวจสอบได้ง่ายขึ้น ถือเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดของหน่วยงานนั้น ๆ เพราะตรวจสอบได้ว่าแบบฟอร์มที่ประชาชน หรือนักธุรกิจยื่นขอมาอยู่ที่ขั้นตอนไหน ใครดำเนินการ เรื่องช้าเพราะใคร
โดยช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สพร.ได้เริ่มเปลี่ยนแบบฟอร์มในการยื่นทำธุรกรรมภาครัฐแล้วกว่า 70 แบบฟอร์ม และบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)กระทรวงดิจิทัลฯ ร่วมกับกรมศุลกากร ให้สิทธิบริการระบบกลางเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์(NSW) รองรับการเชื่อมโยงข้อมูลทั้งภาครัฐ เอกชนและระหว่างประเทศโดยในอนาคตเมื่อเปิดให้ยื่นรูปแบบออนไลน์ทั้งหมด ลดการจ่ายค่าธรรมเนียมลง ซึ่งนอกจากจะช่วยประชาชนประหยัดเวลาในการติดต่อราชการและยังประหยัดเงินด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“พุทธิพงษ์” หนุน 2 อนุฯ ดันมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล
"พุทธิพงษ์"แจง 3ข้อดี ตั้งคลาวด์ภาครัฐ