สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ(สคต.) ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม รายงานอ้างอิงข้อมูลจากสื่อเวียดนามว่า ฮานอยคาดว่าจะดึงดูดการลงทุนประมาณ 38.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในนิคมอุตสาหกรรมและเขตอุตสาหกรรมส่งออกในครึ่งแรกของปีนี้ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 64 ของตัวเลขในปีที่แล้ว โดยเงินลงทุนจากโครงการใหม่จำนวน 5 โครงการรวมมูลค่าเกือบ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 10 โครงการปรับเพิ่มเงินทุนมูลค่ารวม 23.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นาย Le Quang Phong รองผู้อำนวยการคณะผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมและเขตอุตสาหกรรมส่งออกของฮานอย กล่าวว่า ผู้ประกอบการท้องถิ่นประสบปัญหาจากการระบาดของไวรัส COVID -19 จึงต้องพยายามหาแหล่งวัตถุดิบเพื่อใช้ในการผลิตและแสวงหาตลาดการบริโภคใหม่เพื่อบรรลุเป้าหมายการผลิตในช่วงครึ่งหลังและตลอดทั้งปี
หนังสือพิมพ์ Hanoi Moi ระบุว่า นิคมอุตสาหกรรมและเขตอุตสาหกรรมส่งออกในฮานอยได้สร้างงานให้กับแรงงานเกือบ 160,000 คน รวมทั้งชาวต่างชาติ 1,219 คน ฮานอยมีโครงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มากที่สุดด้วยมูลค่า 4,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(กว่า 1.52 แสนล้านบาท คำนวณที่ 32 บาทต่อดอลลาร์)หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.6 ของเงินทุนทั้งหมดไหลเข้าสู่เศรษฐกิจเวียดนาม
Savills Viet Nam รายงานว่าในปัจจุบันเวียดนามถือเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนในการค้นหาโอกาสการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม โรงงานและเขตอุตสาหกรรมส่งออก
นาย Su Ngoc Khuong ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการลงทุน Savills Viet Nam กล่าวว่า นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ จำนวนมากกำลังมองหาที่ตั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม บางรายต้องการที่จะลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมที่มีพื้นที่รวมประมาณ 500 เฮกตาร์ถึง 1,000 เฮกตาร์บางรายวางแผนที่จะขยายโรงงาน
นอกจากเมืองใหญ่อย่างเช่นฮานอยและนครโฮจิมินห์แล้ว เมืองรองต่างๆ ยังดึงดูดความสนใจของนักลงทุน เช่น จังหวัด Long An และ Binh Duong (ภาคใต้) จังหวัดเหล่านั้นมีที่ตั้งที่ดีทรัพยากรมนุษย์ที่พร้อม และโครงสร้างพื้นฐานที่ดีสำหรับคลังสินค้า โลจิสติกส์และการขนส่งไปยังเมืองใหญ่
นาย John Campbell ผู้จัดการฝ่ายบริการอุตสาหกรรม Savills Viet Nam กล่าวว่า หนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลักในปี2562 และในปีนี้คือ เวียดนามได้เข้าร่วมข้อตกลงทางการค้าต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้เวียดนามเข้าถึงตลาดโลกได้มากขึ้น
ปีนี้สหภาพยุโรปได้ให้สัตยาบันข้อตกลงเขตการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม(EV-FTA )อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นข้อตกลงทางการค้าเสรีที่ครอบคลุมที่สุดที่เวียดนามเคยทำ เพราะจะนำมาซึ่งความสนใจและตลาดใหม่ๆ มาสู่เวียดนามมากขึ้น ช่วยให้เวียดนามเปลี่ยนจากการผลิตมาเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงขึ้น
ดังนั้น รัฐบาลควรให้ความสนใจในการเลือกนักลงทุนให้กับเวียดนาม ควรเน้นที่การลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงและใช้แรงงานน้อยลง หากเวียดนามต้องการที่จะพัฒนากลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม ก็ต้องให้ความสนใจกับการพัฒนาระบบการขนส่งในประเทศซึ่งเป็นระบบการขนส่งที่ช่วยให้โรงงานขนส่งสินค้าจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่งและเชื่อมต่อกับระบบการนำเข้า–ส่งออกสินค้าที่ดี และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการพัฒนาคลังสินค้าสำหรับวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป