สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2563 ศูนย์นโยบายป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563 เวลา 12.00 น. จะอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่พำนักในญี่ปุ่นระยะยาว โดยมีสถานะ “resident” สามารถเดินทางออกจากญี่ปุ่น และเดินทางกลับเข้าญี่ปุ่นได้ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- ผู้ที่จะเข้าข่ายเดินทางกลับเข้า ญี่ปุ่น ได้ จะต้องเป็น (1) ผู้ที่มีสถานะ “resident” และ (2) มีใบอนุญาต “re-entry permit” ซึ่งยังมีอายุอยู่ หรือ เป็นผู้ที่ถือหนังสือเดินทาง และบัตร resident card ที่ยังมีอายุ และได้รับอนุญาตให้เดินทางออกและกลับเข้าญี่ปุ่น โดยมีใบอนุญาต “special re-entry permit”
- ผู้ที่จะเดินทางออกจากญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป จะต้องส่ง email ไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ( จะประกาศ email ในวันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป) เพื่อขอรับ Re-entry หรือ “Receipt”จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยใน email จะต้องระบุวันที่จะเดินทางออกจากญี่ปุ่น / ประเทศที่จะเดินทางไป / วันที่ที่จะเดินทางกลับเข้าญี่ปุ่น เป็นต้น จากนั้น สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะส่ง “Receipt” เพื่อยืนยันการเดินทางกลับเข้าญี่ปุ่นได้
อนึ่ง สำหรับผู้ที่จะเดินทางออกจากญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 1-6 กันยายน ขอให้ติดต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินที่จะเดินทางออกจากญี่ปุ่นโดยตรง ส่วนผู้ที่เดินทางออกจากญี่ปุ่นก่อน 1 กันยายน ขอให้ติดต่อกับสถานเอกอัครราชทูต / สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่นในประเทศต่าง ๆ ต่อไป
- เมื่อเดินทางกลับเข้าญี่ปุ่น ผู้โดยสารจะต้องแสดงผลการตรวจเชื้อไวรัสฯ เป็นลบ ไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทางออกจากประเทศที่เดินทางไป และเมื่อเดินทางกลับถึงญี่ปุ่น จะต้องรับการตรวจเชื้อไวรัสฯ ที่สนามบินที่เดินทางถึง
ทั้งนี้สามารถดูรายละเอียดต่างๆได้ตามเอกสายแนบดังนี้ file:///C:/Users/E-ZONE/Downloads/Documents/001327497_2.pdf หรือ https://www.th.emb-japan.go.jp/itpr_th/visa_reentry_permit.html
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด -19 ในประเทศญี่ปุ่น ประจำวันที่ 31 สิงหาคม 2563 มีรายงานผู้ติดเชื้อทั่วประเทศญี่ปุ่นจำนวน 423 คน มีรายละเอียด ดังนี้ กรุงโตเกียว 100 คน ,จังหวัดโอซากา 53 คน ,จังหวัดคานากาวะ 50 คน ,จังหวัดไอจิ 42 คน ,จังหวัดฟูกูโอกะ 30 คน ,จังหวัดไซตามะ 25 คน , จังหวัดโอกินาวา 23 คน
ส่วนข้อมูลสรุป วันที่ 30 สิงหาคม มีผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วประเทศ ญี่ปุ่นจำนวน 600 คน รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสมในญี่ปุ่น 68,088 คน ,ผู้ป่วยอาการรุนแรง 234 คน เพิ่มขึ้น 2 คนจากวันก่อนหน้า , ผู้เสียชีวิต 1,286 คน เพิ่มขึ้น 14 คนจากวันก่อนหน้า ,จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากที่สุด ได้แก่ (1) กรุงโตเกียว 148 คน (2) จังหวัดฟูกูโอกะ 80 คน (3) จังหวัดคานากาวะ 64 คน (4) จังหวัดโอซากา 62 คน (5) ไซตามะ 42 คน
สำหรับกรุงโตเกียววันที่ 30 สิงหาคม มีผู้ติดเชื้อใหม่ 148 คน นับเป็นวันแรกหลังจากวันที่ 25 สิงหาคม ที่กรุงโตเกียวมีผู้ติดเชื้อน้อยกว่า 200 คน / ผู้ติดเชื้ออายุระหว่าง 20-39 ปี รวม 78 คน หรือประมาณร้อยละ 53 / 40-59 ปี รวม 39 คน หรือประมาณร้อยละ 26 และอายุมากกว่า 60 ปี 22 คน
ร้อยละ 59 จากจำนวนทั้งหมด (88 คน) ไม่ทราบเส้นทางการติดเชื้อ และร้อยละ 41 (60 คน) ติดต่อจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ซึ่งส่วนใหญ่ติดจากสมาชิกในครอบครัว 25 คน จากที่ทำงาน 7 คน จากสถานพยาบาลและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ 6 คน จากสถานบันเทิงยามค่ำคืน 6 คน และจากงานเลี้ยงสังสรรค์ในหมู่เพื่อน 5 คน
จังหวัดฟูกูโอกะ มีผู้ติดเชื้อใหม่ 80 คน โดยมีการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนหลายแห่ง อาทิ โรงพยาบาล National Hospital Organization Kyushu Medical Center พบผู้ติดเชื้อ 28 คน / โรงเรียนประถมศึกษาในเมืองฟูกูโอกะ 4 โรงเรียน เป็นต้น
จังหวัดคานากาวะ มีผู้ติดเชื้อใหม่ 64 คน โดยร้อยละ 51 จากจำนวนทั้งหมด (33 คน) ไม่ทราบเส้นทางการติดเชื้อ / มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 5 คนจากการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนที่สถานดูแลเด็กที่มีปัญหาด้านพัฒนาการและพฤติกรรม
จังหวัดโอซากา มีผู้ติดเชื้อใหม่ 62 คน ร้อยละ 56 จากจำนวนทั้งหมด (35 คน) ไม่ทราบเส้นทางการติดเชื้อ / ผู้ป่วยอาการรุนแรง 61 คน ซึ่งเพิ่มขึ้น 4 คน จากวันก่อนหน้า จังหวัดโอซากาเน้นว่า ขอให้ประชาชนระมัดระวังไม่ให้ผู้สูงอายุติดเชื้อ โดยหลีกเลี่ยงสถานที่มีความเสี่ยงติดเชื้อ
นายกรัฐมนตรี "ชินโซ อาเบะ" ได้เปิดการประชุมคณะทำงานป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ โดยได้กล่าวว่า ที่ผ่านมา ประชาชนได้หลีกเลี่ยงพื้นที่ 3Cs และใช้วิถีชีวิตแบบใหม่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้ออาการรุนแรงและผู้เสียชีวิตน้อยลง ผู้เชี่ยวชาญจึงได้ยืนยันว่า สามารถใช้มาตรการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจ พร้อมไปกับการป้องกันการแพร่ระบาดในเวลาเดียวกันได้
อย่างไรก็ดี ในช่วงฤดูกาลการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ซึ่งกำลังจะมาถึง จะมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และมีอาการคล้ายกับการติดเชื้อไวรัสฯ จึงจำเป็นต้องเร่งเสริมศักยภาพด้านการแพทย์และศักยภาพการตรวจสอบเชื้อไวรัสฯ และไข้หวัดใหญ่อย่างเร่งด่วน