นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา เตรียมเปิดเผย รายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดแรก ในวันอังคารนี้(24 พ.ย.) แม้ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และเรียกร้องให้กลุ่มผู้สนับสนุนช่วยกันคัดค้านผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 3 พ.ย.
สำนักข่าววีโอเอ ของสหรัฐอเมริกา รายงานว่านายรอน เคลน หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวคนใหม่ ให้สัมภาษณ์กับรายการ “This Week” ของสถานีเอบีซี ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (22 พ.ย.) ระบุว่า นายไบเดนเตรียมที่จะประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีบางส่วนในวันอังคารนี้ แต่มิได้ระบุว่าเป็นรัฐมนตรีกระทรวงไหนบ้าง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายไบเดนแย้มว่า เขาได้เลือกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่แล้ว พร้อมยืนยันว่าในคณะรัฐมนตรีของเขานั้น จะมีทั้งสมาชิกพรรคเดโมแครตหัวก้าวหน้าและแนวทางสายกลางปะปนกัน ขณะที่สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นายไบเดนเตรียมประกาศชื่อผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีคลังและรัฐมนตรีต่างประเทศในวันขอบคุณพระเจ้าซึ่งตรงกับวันที่ 26 พ.ย.นี้
ถึงแม้ว่าไบเดนจะออกมาเปรย ๆถึงรัฐมนตรีคลังคนใหม่ที่เขามีรายชื่ออยู่ในใจแล้ว แต่ก็ไม่ได้ระบุชื่อออกมา ทำให้สื่อมวลชนของสหรัฐเองพากันคาดเดาว่ารายชื่อในใจของไบเดนนั้น น่าจะเป็นใคร ก่อนหน้านี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างอิงการเปิดเผยของแหล่งข่าวระบุว่า นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คือ 1 ในบุคคลที่ไบเดนพิจารณาว่ามีความเหมาะสมจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังคนใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แต่นอกเหนือจากนางเจเน็ต เยลเลน แล้ว ยังมีบุคคลอื่น ๆที่ได้รับการเสนอชื่อสำหรับตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง ซึ่งรวมถึงนางลาเอล เบรนาร์ด (Lael Brainard) ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในกรรมการระดับนโยบายของระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ และเคยดำรงตำแหน่งรองรัฐมนตรีคลังฝ่ายกิจการระหว่างประเทศในยุครัฐบาลอดีตปธน.บารัก โอบามา และอีกคนคือ นางซาราห์ บลูม แรสคิน (Sarah Bloom Raskin) อดีตคณะกรรมการระดับนโยบายของระบบธนาคารกลางสหรัฐเช่นกัน เธอเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่เป็นสตรีคนแรกและคนเดียวที่ได้ดำรงตำแหน่งสำคัญนี้ในกระทรวงการคลังของสหรัฐ
นอกจากนี้ ยังมีชื่อของนายโรเจอร์ เฟอร์กูสัน อดีตรองประธานเฟด และนายราฟาเอล บอสติก (Raphael Bostic) ประธานระบบธนาคารกลางสหรัฐ ภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นคนผิวสีคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งนี้ และยังเคยเป็นอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเคหะและพัฒนาเขตเมืองในยุครัฐบาลปธน.บารัก โอบามา สมัยแรก
ทั้งนี้ นายไบเดนได้สัญญาว่าจะเลือกคณะรัฐมนตรีที่มีความหลากหลาย ซึ่งหมายความว่า เขาอาจเลือกรัฐมนตรีคลังที่เป็นคนผิวสี หรือเป็นสตรีคนแรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐก็เป็นไปได้
ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้น สำนักข่าวซีบีเอสสื่อท้องถิ่นของสหรัฐรายงานว่า นายโทนี บลิงเค็น ที่ปรึกษาทีมหาเสียงของนายไบเดนฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ น่าจะเป็นตัวเต็งหนึ่งในตำแหน่งนี้ อย่างน้อยก็มีแหล่งข่าวใกล้ชิดนายไบเดนถึง 3 คนที่มองเห็นแนวโน้มดังกล่าว
นายบลิงเค็นกับไบเดนเคยทำงานร่วมกันครั้งแรกเมื่อย้อนกลับไป 15 ปีที่แล้วเมื่อไบเดนดำรงตำแหน่งกรรมาธิการกิจการระหว่างประเทศของวุฒิสภา และตอนนั้นนายบลิงเค็นเป็นผู้อำนวยการคณะทำงานฝ่ายพรรคเดโมแครต ต่อมาเมื่อโจ ไบเดน ได้ขึ้นเป็นรองประธานาธิบดีสมัยปธน.บารัก โอบามา นายบลิงเค็นก็ได้ขึ้นเป็นที่ปรึกษาทำเนียบขาวด้านความมั่นคงแห่งชาติ และช่วงปลายสมัยของปธน.โอบามา นายบลิงเค็นยังได้เป็นถึงรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และปัจจุบัน เขาเป็นผู้ประสานงานฝ่ายกิจการระหว่างประเทศของคณะทำงานของนายโจ ไบเดน ทำหน้าที่จัดกำหนดการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างนายไบเดนกับบรรดาผู้นำของประเทศต่าง ๆ ที่โทรเข้ามาแสดงความยินดีกับชัยชนะในการเลือกตั้งของนายไบเดน
นอกจากนี้ ด้วยความที่นายบลิงเค็นยังมีตำแหน่งในบริษัทเวสต์เอ็กเซ็ค แอดไวเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่ปรึกษาทางด้านยุทธศาสตร์การบริหารธุรกิจ ซึ่งมีชื่อของนางมิเชล ฟลาวนอย อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฝ่ายนโยบายสมัยปธน.โอบามา เป็นผู้บริหารอยู่เช่นกัน ทำให้สื่อพากันกะเก็งว่า นางฟลาวนอย ก็เป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะได้ลุ้นตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่คู่คี่มากับพันโทลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกจากรัฐอิลลินอยส์สังกัดพรรคเดโมแครต ที่นักวิเคราะห์มองว่าหากพันโทลัดดา ไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม ก็น่าจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีฝ่ายกิจการทหารผ่านศึก
ความเคลื่อนไหวที่จะประกาศรายชื่อบุคคลที่จะขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลของนายโจ ไบเดน สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของเขาที่จะจัดตั้งคณะทำงานที่พร้อมจะเริ่มงานทันทีเมื่อเขาได้รับการสาบายตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐในวันที่ 20 ม.ค. 2564 แม้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน จะไม่ได้ให้ความร่วมมือในเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามคือ ทรัมป์ไม่เพียงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง แต่เขายังพยายามทุกวิถีทางที่จะขัดขวางการเข้ารับตำแหน่งของนายไบเดน และยังยืนกรานว่าจะต่อสู้ด้วยกระบวนการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (22 พ.ย.) ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตข้อความถึงผู้สนับสนุนว่า กำลังจะมีการพบบัตรเลือกตั้งที่ทุจริตจำนวนมหาศาล เขาขอให้ผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันทั้งหลาย สู้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ความพยายามของทรัมป์และทีมงานในการใช้กระบวนการทางกฎหมายสกัดกั้นชัยชนะของนายไบเดนดูจะไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะทีมกฎหมายของทรัมป์ต้องพ่ายแพ้และถอนคำร้องในคดีที่เกี่ยวกับการฟ้องทุจริตเลือกตั้งไปแล้วถึง 34 คดีในหลายรัฐที่โจ ไบเดน เป็นฝ่ายชนะ นอกจากนี้ ล่าสุดผู้พิพากษาศาลส่วนกลางแห่งรัฐเพนซิลวาเนีย ยังปฏิเสธคำร้องของคณะทำงานของปธน.ทรัมป์ ที่พยายามคัดค้านผลการเลือกตั้งในรัฐเพนซิลวาเนียที่ไบเดนได้คะแนนนำทรัมป์มากกว่า 81,000 คะแนน