การลงมติของวุฒิสภาสหรัฐ เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ คะแนนสนับสนุน “ไม่เพียงพอ” ที่จะถอดถอนอดีต ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ให้หลุดพ้นจากตำแหน่งด้วย ข้อกล่าวหายุยงปลุกปั่นให้กลุ่มผู้สนับสนุนก่อเหตุจลาจล นับเป็นชัยชนะแรกของทรัมป์ นับตั้งแต่ที่เขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา
การลงมติของวุฒิสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 13 ก.พ.2564 ทำให้อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พ้นจากข้อกล่าวหายุยงปลุกปั่นให้กลุ่มผู้สนับสนุนบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา
แม้ว่าในการลงมติครั้งนี้ สมาชิกวุฒิสภาจะลงคะแนน 57 ต่อ 43 เสียง ว่านายทรัมป์กระทำความผิดจริง แต่คะแนนเสียงดังกล่าวมีสัดส่วนยังไม่ถึง 2 ใน 3 ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ต้องการเพื่อที่จะใช้ตัดสินความผิดของนายทรัมป์ โดยการลงมตินี้ มีสมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน 7 คนที่ลงคะแนนเสียงสนับสนุนข้อกล่าวหาดังกล่าวร่วมกับสมาชิกพรรคเดโมแครต แต่แม้กระนั้น ก็ยังไม่สามารถเอาผิดอดีตประธานาธิบดีผู้นี้ได้ เพราะยังขาดคะแนนเสียงราว 10 เสียง
นายชัค ชูเมอร์ แกนนำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาสหรัฐ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นหลังรู้ผลการลงมติว่า เขารู้สึกเสียใจกับการลงมติในครั้งนี้ ซึ่งไม่สามารถเอาผิดอดีตปธน.ทรัมป์ได้ “การลงมติของวุฒิสภาครั้งนี้ ผิดวิสัยอเมริกัน และเป็นการดูถูกประชาชนที่รักประเทศนี้” นายชูเมอร์กล่าวและว่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐได้ปลุกปั่น ชี้ช่อง และสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงให้ออกมาขัดขวางกระบวนการเปลี่ยนผ่านอำนาจ ซึ่งเท่ากับเป็นการล้มล้างเจตจำนงของประชาชน ถือเป็นการให้อำนาจต่อประธานาธิบดีอย่างผิดกฎหมาย
ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ หลังทราบผลการลงมติของบรรดา ส.ว. ว่าเขารอดพ้นจากการไต่สวนเพื่อถอดถอนออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งที่ 2 ก็ได้รีบออกมาประกาศ “ชัยชนะ” ในทันที โดยย้ำว่า ความเคลื่อนไหวทางการเมืองของเขา "เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น" หลังการลงมติในครั้งนี้
"ความเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์ที่น่าภาคภูมิและสวยงามเพื่อสร้างอเมริกาให้ยิ่งใหญ่อีกครั้งเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น” ทรัมป์กล่าวพร้อมระบุว่า ในเดือนมี.ค. เขายังมีอีกหลายอย่างที่จะประกาศให้ประชาชนได้รับรู้ “ผมมีอีกหลายสิ่งที่อยากจะแบ่งปันให้พวกคุณ ผมตั้งตารอที่จะได้สานต่อเส้นทางนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับชาวอเมริกันทุกคน"
เป็นเรื่องแน่ชัดที่ทรัมป์แสดงให้เห็นว่า เขาต้องการกลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งใน 4 ปีข้างหน้า อย่างน้อยการไม่ถูกลงมติถอดถอนจากตำแหน่งก็ทำให้เขาไม่ถูกตัดสิทธิ์ที่จะลงชิงชัยในศึกเลือกตั้งครั้งหน้า และยังมีโอกาสที่จะเดินต่อบนเส้นทางการเมือง ถึงแม้ว่าเส้นทางไปสู่เป้าหมายดังกล่าวจะยาวไกลและเต็มไปด้วยอุปสรรค เพราะยังมีอีกหลายคดีที่จ่อรออยู่