สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อินโดนีเซีย ได้สั่งให้ผู้ผลิตออกซิเจนเร่งเสริมกำลังการผลิต ท่ามกลางความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจาก ผู้ป่วยโควิด-19 หลังจากมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 60 รายในโรงพยาบาลเนื่องจาก ออกซิเจนหมด
อินโดนีเซีย ซึ่งมีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลกกำลังต่อสู้กับวิกฤตโควิด-19 โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 27,913 รายเมื่อวานนี้ (4 ก.ค.)
โรงพยาบาลซาร์ดจิโตบนเกาะชวา แถลงข่าวว่า มีผู้ป่วย 63 รายเสียชีวิตลง หลังจากโรงพยาบาลขาดแคลนออกซิเจนตั้งแต่วันเสาร์ (3 ก.ค.) จนถึงช่วงเช้าวันอาทิตย์ (4 ก.ค.) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ออกซิเจนล็อตใหม่มาถึง
อย่างไรก็ตาม โฆษกของโรงพยาบาลไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นผู้ป่วยโควิด-19 หรือไม่
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้รัฐบาลออกมาเรียกร้องให้อุตสาหกรรมแก๊สเพิ่มการผลิตออกซิเจนทางการแพทย์ และขอให้ประชาชนอย่ากักตุนออกซิเจนเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการมากกว่า
โรงพยาบาลเปิดเผยว่า ในช่วงหลายวันก่อนหน้านี้ แม้ทางโรงพยาบาลได้จัดหาออกซิเจนเพิ่มขึ้นไว้แล้ว แต่ผู้ป่วยที่หลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมากตั้งแต่วันศุกร์ทำให้ปริมาณออกซิเจนที่มีสำรองไว้ไม่เพียงพอ
ข่าวระบุว่า ภาพที่ปรากฏให้เห็นได้ทั่วไปคือ ประชาชนชาวอินโดนีเซียจำนวนมากพากันออกมาเข้าคิวเพื่อรอเติมถังออกซิเจน เพื่อนำไปใช้รักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ขณะเดียวกันโรงพยาบาลทั่วประเทศ ก็กำลังเผชิญภาวะขาดแคลนออกซิเจนอย่างหนัก เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา อีกทั้งความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ยังส่งผลให้ราคาของถังออกซิเจนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าด้วย
เมื่อเร็ว ๆนี้ รัฐบาลอินโดนีเซีย ได้เริ่มบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เกาะบาหลี และบางส่วนของเกาะชวา ซึ่งรวมถึงในเมืองหลวงจาการ์ตา โดยจะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 20 กรกฎาคมเป็นอย่างน้อย ทั้งนี้ ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา อินโดนีเซียพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นกว่า 25,000 คน และมีรายงานว่าขณะนี้อินโดนีเซียพบผู้ติดเชื้อโควิดในทุกจังหวัดของประเทศแล้ว แม้ว่าจะมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ประชาชนได้ถึง 46.043 ล้านโดส (ข้อมูล ณ วันที่ 4 ก.ค. 2564) ซึ่งนับเป็นประเทศที่มีปริมาณการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ประชาชนมากที่สุดในอาเซียน