‘ทรัมป์’เปิดศึกประเทศเล็ก ขู่ตัดจีเอสพี 25คู่ค้าเอเชีย พาณิชย์มั่นใจส่งออก9%

30 ส.ค. 2561 | 12:01 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ส.ค. 2561 | 19:01 น.
ไทยผวาสหรัฐฯยกเลิกจีเอสพีกลางคัน หลังทรัมป์สั่งทบทวนรอบแรก 25 ประเทศที่ได้สิทธิฯ อ้างกีดกันการเข้าถึงตลาดของสินค้าสหรัฐฯ ด้านพาณิชย์ระบุเอกชนยังมั่นใจปีนี้ส่งออกจะขยายตัวได้ที่ 9% ประสานเสียงห่วงสงครามการค้า ค่าบาทส่งผลกระทบ

dock-1277744_960_720

สหรัฐฯ เริ่มท้ารบทางการค้ากับประเทศขนาดเล็กแล้ว โดยล่าสุดอยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวนการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) แก่ตุรกีที่มีข้อพิพาทตอบโต้ทางการค้าสหรัฐฯ และในเดือนตุลาคมนี้จะเริ่มการพิจารณาทบทวนการให้จีเอสพีในรอบแรกมุ่งเน้นไปที่ 25 ประเทศในเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งรวมทั้งไทย โดยสหรัฐฯกำลังใช้เรื่องดังกล่าวเพื่อจูงใจให้ประเทศต่างๆ ที่ได้รับสิทธิหันมาเจรจาความตกลงแบบทวิภาคีกับสหรัฐฯ ตั้งคำถามว่าคู่ค้าของสหรัฐฯเหล่านี้ได้เปิดให้สินค้าสหรัฐฯสามารถเข้าถึงตลาดได้อย่างเป็นธรรมและเหมาะสมแล้วหรือไม่

 

นายบัณฑูร  วงศ์สีลโชติ รองประธานคณะกรรมการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สิทธิจีเอสพีเป็นอำนาจของประธานาธิบดีสหรัฐฯที่จะยกเลิก หยุดชั่วคราว หรือจำกัดการให้สิทธิตามที่เห็นสมควร หากประเทศที่ได้รับสิทธิมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขในหลายเรื่อง เช่น ไม่ได้เปิดตลาดการค้าให้สินค้าสหรัฐฯอย่างเป็นธรรมและเหมาะสม   ไม่ปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ ไม่ได้ปฏิบัติในการลดการกีดกันทางการค้าและการลงทุนของบริษัทอเมริกัน รวมถึงลดการกีดกันการค้าบริการ เป็นต้น

TP8-3396-A

“ไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกตัดหรือยกเลิกจีเอสพีได้ทุกเมื่อ แม้โครงการจีเอสพีล่าสุดเราได้รับการต่ออายุไปถึงปี 2563 ก็ตาม ตัวอย่างช่วงที่ผ่านมาสภาผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สุกรแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้ร้องเรียนรัฐบาลว่าไทยไม่ยอมออกใบอนุญาตให้นำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐฯ ที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงโดยอ้างว่า ผู้บริโภคสหรัฐฯก็ยังทานได้ ทำให้เราถูกมองว่ากีดกันสินค้าสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีหากไทยถูกสหรัฐฯตัดจีเอสพี มองว่าสินค้าไทยส่งออกไปสหรัฐฯ คงไม่กระทบมาก เพราะส่วนใหญ่แข่งกับสินค้าจีนเป็นหลัก หากไทยถูกตัดจีเอสพีในสินค้าที่เคยเสียภาษี 0% เป็นต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติเช่นอัตรา 10%  ก็คงไม่เสียเปรียบมาก เพราะเวลานี้สินค้าจีนถูกสหรัฐฯ ขึ้นภาษี 25% กว่าพันรายการ”

090861-1927-9-335x503

ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวหลังประชุมคณะทำงานประชารัฐด้านการส่งเสริมการค้า ธุรกิจบริการ และการลงทุนในต่างประเทศ (D4) ครั้งที่2/2561 (27 ส.ค. 61)ร่วมกับหน่วยงานรัฐและเอกชนที่เกี่ยว ข้องกับการส่งออกกว่า 40 ราย จากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ เป็นต้น ในการหารือถึงสถานการณ์ส่งออกครั้งนี้ที่ประชุมยังคาดว่าการส่งออกของไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ที่ 9% หรือมีมูลค่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในส่วนของสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรและเกษตรแปรรูปที่ครึ่งแรกปีนี้มูลค่าการส่งออกขยายตัว 5% ครึ่งหลังคาดจะยังขยายตัวได้ 5% และภาพรวมทั้งปีจะขยายที่ 5% โดยสินค้าที่ยังขยายตัวได้ดี เช่น ข้าว มันสำปะหลัง กลุ่มอาหาร เป็นต้น ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมครึ่งแรกปีนี้ขยายตัว 13% ครึ่งหลังคาดขยายตัว ได้ 9% และทั้งปีขยายตัวที่ 11% สินค้าที่ยังขยายตัวได้ดี เช่น อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า  มันสำเร็จรูป เป็นต้น

[caption id="attachment_297901" align="aligncenter" width="503"] สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์[/caption]

“ในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้จะมีการประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลกเพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้ง โดยกระทรวงยังคงเป้าตัวเลขส่งออกไว้ที่ 8% และล่าสุดภาคเอกชนประเมินการส่งออกทั้งปีที่ 9% ซึ่งกระทรวงจะนำผลการประชุมกับทูตพาณิชย์มาประเมินการปรับเป้าส่งออกอีกครั้ง ปัจจัยที่ภาคเอกชนยังกังวล คือ ผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน การตอบโต้การค้าในประเทศต่างๆที่เริ่มมากขึ้น และฝากให้รัฐบาลดูแลในเรื่องค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวน และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย”

หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,396 วันที่ 30 ส.ค.-1 ก.ย. 2561

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว