ศักดิ์สยาม ปิ้งไอเดีย ติด GPS รถส่วนบุคคล

21 ต.ค. 2562 | 10:46 น.

 

 

 

วันนี้ 21 ต.ค.62 ที่กรมขนส่งทางบก นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน 1584 โดยได้มอบนโยบายพี้อมติดตามผลการดำเนินงานตามภารกิจและโครงการสำคัญจากทางกรมการขนส่งทางบก โดยมี นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมขนส่งทางบก ให้การต้อนรับและรับมอบนโยบาย ซึ่งมีขนส่งจังหวัด 76 จังหวัด ร่วมรับมอบนโยบายผ่านระบบ Video Conference พร้อมกันทั่วประเทศเช่นกัน

 

ศักดิ์สยาม ปิ้งไอเดีย ติด GPS รถส่วนบุคคล

นายศักดิ์สยาม เผยว่า กระทรวงฯให้ความสำคัญกับการดำเนินการของกรมการขนส่งทางบก โดยมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาระบบบริการขนส่งสาธารณะให้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน จึงได้มอบหมายนโยบายให้ทางกรมฯเร่งรัดการทำงานในหลากหลายประเด็นต่างๆดังนี้ 1.การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารจัดการ หลังจากเริ่มติดตั้งระบบ GPS ไปยังรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุก ตนมองว่าน่าจะสามารถต่อยอดการติด GPS ให้ครบกับรถทุกประเภท จึงได้ผุดไอเดียการติด GPS ให้กับรถยนต์ส่วนบุคคล โดยตั้งเป้าว่าจะสามารถลดปัญหาอุบัติเหตุ ปรับโทษการขับเกินตามกฏหมายกำหนดในระยะเวลา 2 นาทีขึ้นไป และติดตามกรณีการเกิดเหตุการณ์อาชญากรรม

 

จากนี้ทาง รมว.คมนาคม ได้ให้ทางอธิบดีกรมขนส่งไปศึกษาราคาอุปกรณ์จีพีเอส ค่าบริการรายเดือนเพราะต้องเชื่อมกับระบบคลาวน์ของกรมขนส่งทางบก โดยจะเริ่มจากรถใหม่ก่อน ซึ่งภายใน 1-2 เดือนจากนี้ทางปลัดคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งจะเข้าไปหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อการหารือแล้วเสร็จอาจจะต้องออกเป็นกฎกระทรวงบังคับใช้ คาดว่าจะใช้เวลาอีก 6 เดือน หรือถ้าเป็นกฎหมายต้องใช้เวลา 1 ปี ฉะนั้นคาดว่า 1 ปีต่อจากนี้จะเห็นข้อสรุปที่ชัดเจน ส่วนรถเก่านั้นจะใช้มาตรการค่อยๆบังคับต่อไป

 

ทั้งนี้เมื่อถูกถามถึงการละเมิดสิทธิ์ผู้ใช้รถ ทาง รมว.คมนาคมตอบว่า ต้องไปดูกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิ์ส่วนบุคคลฉบับอื่นๆ ประกอบด้วย แต่ต้องดูว่าผลที่ได้รับจากการติดจีพีเอส คืออะไร ซึ่งจะเห็นว่าประโยชน์มีมาก อย่างน้อยการก่ออาชญากรรม จะลดลง เช่น การขโมยรถ การกำกับความเร็วรถจากจีพีเอสก็ช่วยรถลดปัญหาอุบัติเหตุได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวจะต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนอย่างแน่นอนว่าเห็นด้วยหรือไม่

 

อย่างไรก็ดีนอกจากนโยบายดังกล่าว นายศักดิ์สยามยังเน้นย้ำในเรื่อง ความเข้มข้นในการออกใบอนุญาติขับขี่ทั้งส่วนบุคคลและสาธารณะ โดยจากนี้จะเข้มงวดในการเข้ามาขอรับใบอนุญาติรวมทั้งออกมาตรการการทำผิดซ้ำซากด้วยการตัดแต้มคนและรถมาบังคับใช้ ในมิติของคนแน่นอนเน้นการออกใบขับขี่และจะตรวจสอบเวลามาต่อใบขับขี่ว่ามีการถูกตัดคะแนนมากเพียงใด แต่เดิมมี 100 คะแนนหากถูกตัดหมดจะยืดใบขับขี่ทันที ส่วนของรถก็จะมีตัดคะแนนเช่นกัน โดยรถใหม่หรือรถที่ผ่านการตรวจสภาพจะได้ 100 คะแนน หากครั้งต่อไปตรวจแล้วไม่ผ่านจะถูกตัดคะแนน หากถูกตัดครบจะถูกพักการใช้รถเป็นการลดปัญหามลภาวะควันดำได้อีกช่องทาง  ซึ่งมาตรการตัดแต้มครั้งนี้จะเป็นการดำเนินการภายใต้ภายใน พ.ร.บ.พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 เป็นคนละส่วนกันกับมาตรการตัดแต้มของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คาดว่าจะใช้เวลาในการศึกษาและสรุปได้ภายใน 2 เดือน

 

 

อีกหนึ่งประเด็นจากนโยบายของ บิ๊ก คมนาคม คือ การมอบหมายให้กรมฯ ศึกษากฏหมายเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมผ่านการเข้ามามีส่วนร่วมตรวจสอบรถที่ทำผิด กม. ซึ่งหากแจ้งเบาะแสจนสามารถนำจับผู้กระทำความผิดกฎจราจรมาลงโทษตามกฎหมายจะได้รับแบ่งสินบนนำจับ ซึ่งสามารถทำได้ผ่าน การถ่ายภาพ รูป หรือเหตุการณ์ โดยจริงๆแล้วกรมฯมีกฏหมายดังกล่าวอยู่แล้ว คาดว่าภายใน1 เดือนจะบังคับใช้มาตรการสินบนนำจับได้

 

อย่างไรก็ตามการพูดคุยในวันนี้ยังได้มอบนโยบายอื่นๆ อีกเช่น การกำหนดให้รถบรรทุกต้องติดตั้งอุปกรณ์ตรวจสอบน้ำหนัก การนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาใช้ในการรับจ้างผ่านแอพพอเคชั่น การติดตามผลนโยบาย ตรวจเข้มข้นรถโดยสารสาธารณะ Check คน Check รถ Checkpoint point” ที่มีเป้าหมายตรวจสภาพรถโดยสารสาธารณะ ณ สำนักงานขนส่ง จำนวน 122,260 คัน และการประชาสัมพันธ์การทำงานของกรมฯให้ประชาชนรับทราบมากกว่านี้ ที่สำคัญได้ตรวจเยี่ยม ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับร้องเรียน 1584 ณ อาคาร 3 ชั้น 1 กรมขนส่งทางบก

 

สำหรับศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับร้องเรียนรถสาธารณะ 1584 จัดตั้งเพื่ออำนวยความสะดวกและรับเรื่องร้องเรียนความไม่เป็นธรรมจากการใช้บริการรถ โดยสารสาธารณะ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารจตุจักร เอกมัย ตลิ่งชัน กรมการขนส่งทางบก และสถานีขนส่งผู้โดยสารทั่วประเทศ ซึ่งนอกจากช่องทางดังกล่าวในปัจจุบันได้มีการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่าง เฟสบุ๊ค ไว้สำหรับรับความเห็นและคำร้องเรียนจากประชาชนทั่วไป

 

ด้านนายจิรุตม์ เผยว่า กรมการขนส่งทางบกพร้อมรับนโยบาย โดยดำเนินการภายใต้กรอบแนวคิด 3S ได้แก่ Safety&Security คือ ควบคุม กำกับ ดูแลการขนส่งทุกรูปแบบให้มีความปลอดภัย Sustainability ควบคุม กำกับ ดูแลระบบการขนส่งทางถนนทุกรูปแบบให้สามารถรองรับผู้ใช้งานได้ทุกกลุ่มรวมทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ Smart Transport ควบคุม กำกับ ดูแลระบบการขนส่งทางถนนทุกรูปแบบให้มีความชาญฉลาด ผ่านการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมมาปรับใช้ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการขนส่งและคมนาคมทั้งระบบสู่มาตรฐานความปลอดภัยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน