นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) แถลงว่า ตามที่ได้มีข่าวเรื่อง การยึดที่ดินศูนย์ซ่อมอากาศยานการบินไทยที่อู่ตะเภานั้น ทางสำนักงานฯ ขอให้ข้อเท็จจริง กล่าวคือ เรื่องเดิม : โครงการ TG MRO ริเริ่มโดยการบินไทย ปี 2559 การบินไทย ได้ริเริ่มโครงการจัดตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานแห่งใหม่ (TG MRO) ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาให้เป็นศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอันดับหนึ่งที่มีมาตรฐานระดับโลก เป็นโครงการที่สนองตอบนโยบายรัฐบาล ในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาค ซึ่งได้กลายเป็นโครงการหลักในแผนงานพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
โดยคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) มีมติเห็นชอบกำหนดให้โครงการนี้ เป็นโครงการใน EEC Project List ในชื่อโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โดยมีสนามบินนานาชาติที่จะรองรับผู้โดยสารได้กว่า 60 ล้านคนต่อปี และศูนย์ซ่อมอากาศยานของการบินไทยช่วยขยายการเติบโตเศรษฐกิจไทยในอนาคต
“การขยายศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานที่อู่ตะเภาของการบินไทยให้ทันสมัยมากขึ้น ไปอยู่ในพื้นที่ใหญ่ขึ้น ไม่ใช่ยึดที่คืน”
ทั้งนี้ กองทัพเรือ สกพอ. และการบินไทย เนื่องจากฝ่ายซ่อมแซมอากาศยานของการบินไทยเดิมบนพื้นที่ 150 ไร่นั้นอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่ต้องก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 ตามแผนพัฒนาโครงการเมืองการบินภาคตะวันออก จึงได้ตกลงกันว่าจะให้มีการโยกย้ายฝ่ายซ่อมเดิมไปอยู่ในพื้นที่ใหม่ เพื่อจัดตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานแห่งใหม่ (TG MRO) เป็นศูนย์ซ่อมอัจฉริยะ และใหญ่ขึ้นบนพื้นที่ 210 ไร่ ในบริเวณใกล้เคียง
เรื่องการย้ายศูนย์ซ่อมนี้ ทร. สกพอ. และการบินไทย ได้มีการประสานงานมาตั้งแต่ปี 2561 โดยกำหนดการส่งมอบพื้นที่คืนให้กับ ทร. และ สกพอ. ภายในปี 2563 นอกจากนั้น ยังได้บูรณาการการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง อาทิ การออกแบบทางวิ่งที่ 2 และทางขับที่เกี่ยวข้อง การออกแบบศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานแห่งใหม่ การจัดหาเอกชนร่วมลงทุนในการดำเนินการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานแห่งใหม่ร่วมกับการบินไทย เพื่อเตรียมพร้อมการขยายขอบเขตการทำงานด้านการซ่อมอากาศยานของการบินไทย มิได้เป็นการยึดที่คืนตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
สำหรับการคัดเลือกเอกชน มาร่วมดำเนินงานโครงการ TG MRO ปัจจุบันมีความคืบหน้าในการจัดหาเอกชนร่วมลงทุน ซึ่งคาดว่าจะสามารถคัดเลือกเอกชนได้ภายในเดือนเมษายน 2563