นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับเอกอัครราชทูตเยอรมนี ประจำประเทศไทย ในเรื่องการลงทุนในประเทศไทยพบว่า เยอรมนีมีความเป็นห่วงแผนการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือ "อีวี" เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาลยังไม่ได้ขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการลงทุนสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้าที่ยังมีน้อยมาก และกฎหมายของประเทศไทย ยังไม่มีมาตรการบังคับให้เกิดสถานีชาร์จไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เช่น การสร้างคอนโดมิเนียมยังไม่มีกฎหมายบังคับให้มีจุดชาร์จไฟฟ้า หรือในสถานที่อื่นๆ
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ค่ายรถยนต์ของเยอรมนีที่มีโรงงานในประเทศไทย เช่น เบ๊นซ์ (BENZ) มีแผนที่จะไม่ลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และจะชะลอแผนการลงทุนออกไปก่อนจนกว่าประเทศไทยจะมีความชัดเจนในเรื่องนี้ เพราะมองว่า หากประเทศไทยยังไม่มีความพร้อมในเรื่องสถานีชาร์จไฟฟ้า ก็ยากที่จะผลักดันให้มีผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ เยอรมนียังต้องการให้ประเทศไทยมองธุรกิจเยอรมนีที่เข้ามาตั้งในประเทศไทยให้มีสิทธิต่างๆเท่าเทียมกับบริษัทของไทย เช่น การเข้าถึงแหล่งเงินกู้ภายในประเทศ และมาตรการส่งเสริมต่างๆของรัฐบาล เพื่อให้เกิดการขยายกิจการต่างๆในไทยเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทขนาดใหญ่ทั้งของเยอรมนี และสหภาพยุโรป ยังไม่ได้มีแผนชัดเจนในการเข้ามาลงทุนในอาเซียน ดังนั้นประเทศไทยควรจะฉวยโอกาสในช่วงนี้ ดึงดูดการลงทุนให้เข้ามาในประเทศไทย โดยใช้จุดเด่นในมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ "อีอีซี" (EEC) และการรับมือการแพร่ระบาดของ “โควิด-19” (Covid-19) ได้ดี รวมทั้งยังเป็นศูนย์กลางในการผลิตเพื่อจำหน่ายในอาเซียน ซึ่งมั่นใจว่ายังมีบริษัทขนาดใหญ่ในยุโรปต้องการมาลงทุนในภูมิภาคนี้อีกมาก